เชน ธนา เล่าเส้นทางอมาโด้ ตั้งแต่จุดเฟื่องฟูจนถึงจุดต่ำสุด ผ่านอะไรมาบ้าง บางวันไม่มีเงินเติมแก๊สทอดไข่ให้ลูกกิน แต่รอดมาได้เพราะค่าดอกไม้ใน TikTok ยันยังสู้ไม่ถอย
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ในรายการแฉ ได้นำเสนอเรื่องราวการล้มครืนของ “อมาโด้” อาณาจักรทางธุรกิจที่เคยเฟื่องฟูของหนุ่ม เชน ธนา โดยเฉพาะการต่อสู้กับหนี้สินหลักร้อยล้าน ด้วยการไลฟ์แบบสู้สุดตัวจนเกิดกระแสชื่นชมบนโซเชียลมีเดีย
เชน ธนา เล่าว่า อมาโด้ เฟื่องฟูตอนปี 62-63 ขายสินค้าหลายอย่าง ตอนนั้นก็สวยหรูตามที่วาดฝันไว้ แต่มาพลาดช่วงปี 64 จริง ๆ เริ่มดีมาตั้งแต่ปี 57 คือเราเป็น start up แล้วมีนายทุนมาลงทุน 5 ล้านแรก เป็นผู้มีพระคุณ แล้วก็ปันผลกันไป 20-30 ล้าน จนมาปี 59 ยอดขาย 100 ล้าน ปี 60 ก็เพิ่มเป็น 200 ล้าน จากนั้นปี 61-62 ขยับเป็น 700 ล้าน กระทั่งปี 63 เรียกว่า Moonshot เลย ปิดยอดไป 2,200 กว่าล้าน กำไรสุทธิเหลือ 89 ล้านบาท
จุดเปลี่ยนคือปี 64 ตอนนั้นผมไม่มีวุฒิภาวะมากพอ เหมือนไม่มีความรู้ว่าการจองสัมปทานสื่อมันคืออะไรกันแน่ คือผมมีความฝันว่าจะประมูลช่อง เพื่อทำอมาโด้แชนแนล แล้วลุยขายของเต็มที่ เซ็นสัมปทาน 12 เดือนเลย เพราะต้องการใช้สื่อทำเป้าการขายเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน เรียกว่าซื้อช่องละ 100 ล้าน ซื้อ 4 ช่อง รวม 400 ล้านบาท ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด เพราะตอนนั้นมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนสึนามิวงการสื่อ เรตติ้งมันสวิงไปหมด แต่ก็ยังสู้ ปรับคอนเทนต์ เลยทำให้ยังประคองมาได้ กระทั่งปีที่แล้ว 2567 เหมือนพลุแตก พอเป็นข่าวก็เลยพังไปหมด เป็นโดมิโน่เลย

เชน บอกว่า จากหนี้ 800 ล้าน เมื่อ 2 ปีที่ก่อน ตอนนี้ใช้หนี้ไปแล้ว 200 ล้าน สภาพตอนนี้ โอนคืนเจ้าหนี้วันละ 1-2 หมื่นบาททุกวัน เรายังไม่ได้ล้มละลาย เราใช้หลักการฟื้นฟูกิจการโดยไม่ได้ให้ศาลสั่ง คือเราฟื้นด้วยตัวเอง ฟื้นด้วยคู่ค้าที่ยังประคองเราอยู่ ตั้งแต่มีข่าวพฤศจิกายน 2567 จากยอด 60 ล้าน แล้วปีนึงใช้หนี้ได้ 50-60 ล้าน มันเหลือยอดขายแค่ 15-20 ล้าน อย่างตอนนี้ถ้าไลฟ์ อาจจะได้ 1 แสน ก็จะเอากำไรหักทุกอย่างเหลือ 2 หมื่นบาท เพื่อเตรียมเอาไปโอนคืนเจ้าหนี้พรุ่งนี้ 2 เจ้า เจ้าละ 10,000 บาท ทำอย่างนี้มาครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่มีข่าว
เมื่อถามว่าเอาพลังจากไหนในการไลฟ์ทุกวัน เขาตอบว่า “ผมยังประคองพนักงานไว้อยู่ เพราะว่าผมเชื่อว่าเครื่องยนต์ผมจะกลับไปเดือนละ 60 ล้านได้ ผมยังมีความหวังว่าผมจะกลับไปตรงนั้นได้ จะต้องถึงให้ได้ ขอแค่กลับมา 60 ล้านโดยประสบการณ์ที่เราเจ็บมาแล้ว ผมว่ามันจะเป็น 60 ล้านที่สุขภาพดี แล้วน่าจะตอบแทนพระคุณเจ้าหนี้ทุกคนที่ใจเย็นได้”
อย่างไรก็ตาม เชน ธนา บอกตามตรงว่า เจ้าหนี้ก็มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องพยายามจัดสรร แบ่งเจ้าหนี้เป็น 3 สี คือ สีแดง สีส้ม สีเหลือง ถ้ากลุ่มสีแดงเขาไม่คุยแล้ว เขาพร้อมบังคับคดี อย่างพี่เมย์ วาสนา ถือเป็นเจ้าหนี้สีชมพูเลย เขาเคยพูดประโยคนึงว่า แกหาผู้ถือหุ้นที่ดีแบบฉันไม่ได้แล้วนะ ประโยคนี้มันกินใจมาก เพราะที่ผ่านมาผมเจอแต่คนเคี่ยว ๆ แบบมึงต้องรวย มึงต้องขาย ปันผลยัง ๆ เจออย่างนี้มาตลอดชีวิตตั้งแต่เริ่มธุรกิจมา ก็ยังไม่ได้พักเลย “ยังดีที่มีลูกมีครอบครัวที่เป็นเหมือน Power Bank”
ทุกวันนี้ถามว่าเอาเงินที่ไหนกิน ตัวผมหยุดรับเงินเดือนมาตั้งแต่เดือนกันยา 2567 ก่อนที่จะมีข่าว เพราะเรารู้สภาพกิจการแล้วว่าต้องลดคนอีก เราก็เลือกที่จะดูแล-ชดเชยพนักงานที่อาจจะผลงานไม่ดีแล้วไม่ได้อยู่ในแผนเรา หรือบังคับบางคนออกไปเพื่อลดภาระ ในวันที่เราโดนบี้จนไม่เหลือตังค์ ตอนโหนกระแสออก ผมหนักมาก เป็นศูนย์ทุกวัน มีอะไรเร่งมา ก็ต้องหยิบยืม ต้องวิ่งหา พอจบวันลงไปนอนกองกับพื้นเลย เหมือนว่าวันนี้ปิดจบแล้วขอนอนก่อนนะ
วันนี้ถามว่ามีมั้ย ก็ไม่มี จะมีจากติ๊กต่อก Affiliate ถ้าถอนค่าคอมออกมาก็เพิ่มทุนเข้าไปใช้หนี้ แต่ที่ยังกินข้าวได้อยู่ทุกวันนี้ ก็จะได้จากค่าดอกกุหลาบ ที่คนส่งรางวัลให้ในติ๊กต่อก เวลาเราไลฟ์ก็ไม่รู้ว่าได้เยอะหรือไม่เยอะ แต่พอสิ้นวันมันจะมีประมาณ 2,000-3,000 บาท มันก็พอพาลูกไปเซเว่นได้
“วันหนึ่งมาอ๋อ เรื่องของขวัญในติ๊กต่อก พี่เลี้ยงโทรมาบอกว่าแก๊สที่บ้านหมด จะทอดไข่ให้ลูกแฝด 3 คนกิน เพื่อไม่ให้เขาขาดสารอาหาร แต่ไม่มีแก๊ส เลยแบบฉิบหายแล้ว เพราะยืมจนไม่รู้จะยืมใครแล้ว จนวันนั้นมันหมดจริง ๆ เลยมาเปิดดูว่า ค่าดอกไม้ได้ 700 บาท เลยถอนออกมาเติมแก๊ส” > มี๊เบอใหม่: เชน ธนา บอกว่าสาเหตุที่ยังไม่ท้อ เพราะมองว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผมอาจจะเป็นนักการตลาด เป็นนักขาย ผมยอมรับว่าพลาดเรื่องการเงินและระบบไอที แต่ถ้าในมุมที่ให้กำลังใจตัวเอง เรื่องการตลาด การขาย ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะเรายังสร้างอมาโด้มาได้ขนาดนี้ เราก็ยังให้กำลังใจตัวเอง มองว่านักธุรกิจบางคนถ้าเขามีเครื่องมือเขาก็ยังสร้างได้อีก ผมก็ยังเชื่อว่าถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ วันนึงมันจะดีขึ้น และกลับไปได้ แล้วยังมีกำลังใจอยู่บ้าง
ขอบคุณภาพ วันบันเทิง oneบันเทิง
