หลังจากที่สูญเสียคนในวงการบันเทิงอย่าง ตั้ว ศรัณยู ก็ทำเอาเพื่อนรักอย่าง ดี้ นิติพงษ์ ออกมาเขียนร่ายยาวถึงวีรกรรมของ ตั้ว และตนเองที่ได้เป็นเพื่อนกันมาถึง 40 ปี ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
ไปหาตั้วที่วัดนาคปรกมาจ้ะ..
วัดนี้ เป็นวัดประจำตระกูลของตั้วเลยก็ว่าได้ บ้านพ่อแม่ตั้วอยู่ติดกับวัดเลย..
พ่อแม่ตั้วมีบ้านว่างอยู่อีกหลังหนึ่ง…สมัยเรียนถาปัด ตั้วอยู่ที่บ้านนี้
ไม่ใช่สิ…ตั้วกับเพื่อนถาปัดจำนวนหนึ่ง อยู่บ้านนี้
ช่วงนั้นก็ไม่ใช่ปีหนึ่งนะ…ปีสามปีสี่ด้วยซ้ำ..
บ้านไม้สองชั้นเล็กๆ มีสองห้องคือ ห้องข้างบน กับห้องข้างล่าง เป็นบ้านที่ไม่ควรอยู่เกินสามคน…
พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันหกเจ็ดคนได้…พร้อมกับโต๊ะเขียนแบบคนละตัว…
นอนตรงไหน…แล้วแต่
อยู่กันอย่างเขรอะ ทำโปรเจคส่งอาจารย์บ้าง คุยเรื่องเขียนบทละครบ้าง ร้องรำทำเพลงบ้าง….แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนอน
แม่ตั้วจะหุงข้าวต้มมาให้กินบ่อยๆ เพราะกลัวลูกกับเพื่อนๆ เป็นโรคขาดสารอาหาร…เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมักจะเป็นอาหารหลัก ค่ำๆ ก็จิบแม่โขงโทนิคกัน…วันไหนมีตังค์เยอะหน่อยก็ลงขัน…จิบแสงโสม
ทำงานไป พร่ำเพ้อละเมอพก ดื่มด่ำเมรัยยามราตรี จนเกือบเช้า…ก็แยกย้ายไปสุมหัวนอน…แยกย้าย(ยังไงวะ ห้องเดียวนั่นแหละ…)
ก่อนนอน…มีเพื่อนบางคนปวดเยี่ยว แล้วขี้เกียจลงมาเข้าส้วมข้างล่าง มันก็เยี่ยวตรงระเบียงบนบ้านดุจสายฝนอุบาทว์ ตกลงไปที่พื้นเบื้องล่างอันเป็นทางสัญจรเข้าออกของผู้คน รวมทั้งพระคุณเจ้า..ซึ่งกำลังจะออกมาบิณฑบาตร ในเวลาอันเกือบจะเดียวกันนั้น…
ตั้วเห็นก็ตาเหลือก ตะโกนลั่น…
“เฮ้ย ไอ้เชี่ย มึง ลงไปเยี่ยวข้างล่างสิโว้ย…นั่นมันลงไปทางเดิน เดี๋ยวพระก็จะออกไปบิณฑบาตรแล้ว…”
“กูเมาว่ะตั้ว…กูลงกระไดไม่ไหว…”
เราเขรอะกันอย่างไม่น่าเชื่อ…
เพื่อนคนหนึ่ง ตื่นก่อน อาบน้ำเสร็จแล้วหยิบกางเกงในฉันที่ตากอยู่ไปใส่เฉยเลย…
พอฉันลืมตาขึ้นมาเห็น ก็ร้องเฮ้ย….
มันด่ากลับหน้าตาเฉย..
“เฮ้ย…อะไรวะ ของแค่นี้หวงไปได้…”
ล้อมวงกินข้าวต้มที่แม่ตั้วต้มมาให้กิน…มีไอ้เพื่อนตัวร้ายเลวทรามต่ำช้าคนนึง มันคะนอง…มันดึงขนในที่ลับ…เอาใส่ชามข้าวต้มเพื่อนทุกคน!!!! อ้วกกกก…
“…ไอ้…..มึงทำอะไรของมึง…”
“…หมี่กรอบไง…หมี่กรอบ…”
กว่าจะรอกันใช้ห้องน้ำ อาบน้ำมั่ง ไม่อาบมั่ง…ก็แล้วแต่…
ก็จะพากันเดินงัวเงียเป็นขบวนออกไปปากซอย…
เป็นอู่ต้นสายรถเมล์สาย 4 ตลาดพลู-คลองเตย
ซึ่งโชคดีที่เป็นสายที่ผ่านจุฬาพอดี..
เราเป็นนิสิต..ก็ต้องไปเรียนสิ
เราจะไม่พูดคุยกันทั้งสิ้น ต่างกับกลางคืนโดยสิ้นเชิง…
ต่างคนแยกย้ายไปนั่งริมหน้าต่าง…ไม่นั่งด้วยกัน
ก่อนรถจะออกจากอู่…เราก็หลับกันโดยพร้อมเพรียงริมหน้าต่าง
ไม่ต้องหวาดกลัวต้องลุกให้เด็กสตรีคนชราอะไรใดๆทั้งสิ้น
เพราะเก้าอี้รถเมล์สมัยนั้นเป็นแบบนั่งคู่หมด…ปลอดภัย
ความปลอดภัยเริ่มสั่นคลอน….เมื่อ
รถเมล์มาถึงป้ายจุฬา…แถว ๆ สามย่าน
ทีนี้ก็แล้วแต่ใครตื่นหรือไม่ตื่น..ตอนรถถึงป้ายนั้น…
และเราก็ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า…ตัวใครตัวมันนะเว้ย
จะมีเพื่อนบางคน…ที่ไปตื่นที่อู่คลองเตยเสมอ…
ตั้วไม่เคยพลาด..พร้อมเพื่อนที่รอดมาได้…ก็จะลงป้ายแล้วเดินเข้าประตูจุฬาด้านพาณิชย์บัญชีด้านทิศใต้สุด….เพื่อจะเดินผ่าจุฬาฯ ไปยังคณะถาปัดที่อยู่ด้านทิศเหนือสุด…
เพื่อนๆ ที่เดินอยู่ท้ายกลุ่ม จะได้ยินเสียงสาว ๆ จุฬา แอบกระซิบกัน…
“นี่ๆๆ…นี่ไงเธอ…ศรัณยู..”
“ใช่เหรอ…”
“ใช่ๆๆ…เอ๊..รึเปล่า..”
“ไม่ใช่มั้ง…หูย..เดินผ่านที กลิ่นเหมือนขนมปังหืน…”
ฯลฯ
……
……
สี่สิบปีมาแล้ว…ไม่น่าเชื่อว่าภาพยังชัดมาก…
นินทาตั้ว
ตั้วไม่ต้องมาแก้ต่างอะไรนะ
ว้าวุ่นเวอร์ชั่นวัดนาคปรก
ปินดาโพสยะมันไม่เขียนกูเขียนเอง
คิดถึงมึงนะตั้ว
ภาพจาก : https://www.facebook.com/550406944/posts/10156945658181945/?d=n