แพรวา ณิชาภัทร ออกมาเปิดใจผ่านรายการ โต๊ะแชร์มหาชน ถึงประเด็นเคยติดหนี้ 200 ล้าน และยังเคยคิดสั้นเพราะโรคซึมเศร้า
เรียกได้ว่าทำเอาเหล่าบรรดาแฟนๆช็อกกันแทบไม่น้อยหลังนักแสดง-นักร้องสาว แพรวา ณิชาภัทร ออกมาเล่าประสบการณ์นาทีช็อกหลังคุณแม่ออกมาเผยกับเธอว่า บ้านติดหนี้ 200 ล้าน ทั้งนี้เธอยังออกมาเปิดใจในรายการถึงประเด็นดังกล่าวนี้ว่า

เหตุเกิดเมื่อประมาณตอนหนูอายุ 22 4 ปีที่แล้ว เพิ่งเกิดได้ไม่นานค่ะ คือเรื่องราวเริ่มจากที่บ้านหนู ฝั่งคุณพ่อเค้าเป็นกงสีกันแล้ววันหนึ่งที่เรารู้ว่ามันเป็นหนี้เยอะมาก มากแบบจนที่เราไม่สามารถชำระได้แล้ว หนูก็รับรู้มาแค่นั้น แต่หนูก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง คุณแม่มาพูดกับหนูว่า ที่บ้านเรามีหนี้นะ ซึ่งหนูก็ทำงานในวงการแล้ว ก็บอกแม่เลย เท่าไหร่เดี๋ยวทำงานใช้ให้เลย แม่บอก200ล้าน หนูบอกหนูไม่ไหว ถ้าเราไม่ชำระหน้า ธนาคารจะฟ้องให้เป็นคนล้มละลาย มันก็เหมืือนเป็นวันที่้ขามาบอกหนู ให้เตรียมขึ้นเป็นผู้นำครอบครัว
เราอยู่ในอาการช็อกอยู่ หนูบอกป๊าม้าไม่เป็นไร ป๊าม้าเลี้ยงหนูมา 20 กว่าปี ป๊าม้าทำดีแล้ว จากนี้หนูจะเลี้ยงป๊าม้าเอง ป๊าเดินมาขอโทษลูกป๊ารู้สึกผิด เขาขอโทษที่ไม่มีมรดกให้เลย จากนั้นเราก็พยายามยอมรับเรื่องนี้ ในอายุ 22 ยังไง ต้องขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัว จะไหวเหรอ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้งานเยอะ จะทำได้จริงเหรอ แต่ก็ต้องทำ พยายามแพลนทำทุกอย่าง พอผ่านไป 2 ปี หนูทะเลาะกับแม่หนักมาก เรื่องการรับงาน พอเรารู้ว่าเราเป็นเสาหลัก เราอยากทำงานที่ได้เงินคุ้มค่าเหนื่อย มันมีงานนึงที่ติดต่อเข้ามา เรารู้มันมีงานฟรี เรารู้สึกว่า เราทำดีมาตลอดไม่เห็นได้ดีเลย เราเลยไม่อยากทำงานฟรี เราจะไปทำงานที่เราทำเต็มที่ แล้วเราได้ตังค์

แม่บอกทำไปเถอะลูกความดีเดี๋ยวก็ได้ดี เราเถียงว่าทำดีแล้วได้ดีเราไม่เป็นแบบนี้หรอก วันนั้นทะเลาะหนัก เหมือนโรคนี้ระเบิดเวลาตู้มออกมาว่าฉันเป็นซึมเศร้า มันมาแล้ว มันแสดงอาการ หนูร้องไห้แล้วหยุดไม่ได้ มันเหมือนรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้เรา เรามันคนอกตัญญู ไร้ค่า เราอยากตายหนีปัญหา ทะเลาะกับแม่จนเกือบจะตัดแม่ลูกเลย อาการตีขึ้นมา หนูพยายามที่จะปรับตัวตรงนี้ เข้าใจเหตุผลทุกอย่างคืออะไร แม่ทำแบบนี้เพราะหวังดี แม่รู้ว่าเราไหว แต่เพียงแค่ว่าเราไม่สามารถอยู่กับความรู้สึกตรงนี้ได้ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้
หนูไปทำแบบทดสอบซึมเศร้า มันขึ้นมาว่าเป็นแบบปานกลาง ถึงขั้นจะไปหนักเพราะคิดจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่าจะเอายังไง คือห้องนอนอยู่ชั้น 3 คิดและมองลงไปถ้ากระโดดไม่ตาย 3 ชั้น น่าจะแค่ ขาหัก ถ้ากินยาก็คิดอีกว่าต้องกินกี่เม็ดที่บ้านมีแต่พารา ก็มาคิดจะตายมั้ย หรือว่าจะกินน้ำยาล้างห้องน้ำ ก็มานั่งคิด ลองมากรีดข้อมือง่ายกว่า

สุดท้ายลองเอาตะไบเล็บกรีดข้อมือเป็นรอย แล้วรู้สึกตายไม่ได้ เรามีความรับผิดชอบมากกว่านั้น แต่เราอยู่กับความรู้สึกตรงนี้ไม่ได้เลย เราต้องไปหาหมอแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่คนธรรมดาทำได้แล้ว หมอให้ยามากิน จากนั้นกลับไปคุยกับแม่ ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นตอนนี้คุยได้ทุกเรื่องแล้ว
อ่านข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ต้อนรับวาเลนไทน์ เฟย์ พรปวีย์ โพสต์รูปคู่แรก กับ บอย ปกรณ์ หวานทั้งไอจี!
GOT The Beat ได้ปล่อยวิดีโอซ้อมเต้นสุดปังสำหรับ ‘Step Back’
อย่างพีค! เจมส์ จิรายุ ร่ายโพสต์ถึง เกรท วรินทร สุดยอดผู้ให้ ให้ทุกอย่างยกเว้น..?
เช้าที่สดใส กัน อรรถพันธ์ เผยโมเมนต์ประทับใจ ออฟ จุมพล โผล่เยี่ยมถึง Hospitel
ฟังชัด ๆ! เปิดคำตอบ นิต้า มานิตา นางสาวไทย2565 ไหวพริบกินขาดจนมงลง