หลิน มาลิน มิสแกรนด์ไทยแลนด์ เดินทางถึงไทย เล่าทั้งน้ำตา ประเทศกัมพูชาแจก ไข่ข้าว-ถั่วต้ม เป็นอาหารบนเรือ ลั่น หลายคนกินไม่เป็น
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกโซเชียล สำหรับเหตุการณ์ที่มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) ได้ออกมาประกาศขอยกเลิกประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดในปีนี้อย่างสายฟ้าแลบ เนื่องจากการจัดงานไม่เป็นไปตามมาตฐานที่ตกลงไว้ ทำให้ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล พาทีมงานและนางงามรวมๆ แล้วกว่าหลายร้อยชีวิต เดินทางกลับมาเก็บตัวและจัดการประกวดต่อที่ประเทศไทย อีกทั้งทางด้าน มิสแกรนด์กัมพูชา ก็ได้ขอถอนตัว ไม่ร่วมงานกับองค์กรมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลอีกต่อไป พร้อมเตรียมแถลงข่าวปมดรามานี้เช่นกัน
หลิน มาลิน ร้องไห้! หลังกลับไทย แฟนๆ ต้อนรับอย่างอบอุ่น
เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ทางด้าน หลิน มาลิน ชระอนันต์ ตัวแทนมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ถึงกลับปล่อยโฮ เมื่อเห็นแฟนๆ มารอต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชนว่า “หลินขอเป็นตัวแทนเพื่อนๆ ขอบคุณทุกๆ คนมากนะคะที่มาต้อนรับพวกเรา เพราะวันที่ไปประเทศโน้นทุกคนก็แอบเหงานิดนึง เพราะจะมีแค่ทีมงานเราไม่กี่คนที่คอยถ่ายรูป ทุกคนก็อาจจะยังงงๆ อยู่ แต่พอเขามาเจอวันนี้ก็เลยตกใจว่าทำไมพี่ๆ คนไทยมารับเยอะจังเลย หลินก็เลยบอกว่าเพราะทุกคนอยากให้การต้อนรับทุกคนเป็นอย่างดี อยากให้เขารู้สึกว่านี่คือไทยแลนด์ เพราะทุกคนรู้ว่าไทยแลนด์ เป็น land of smile พอเขาเห็นทุกคนแบบนี้ก็รู้สึกว่าน่ารักมากเลย หลินก็ขอบคุณแทนเพื่อนๆ ด้วยที่ทุกคนมารับในวันนี้ค่ะ”
นอกจากนั้น หลิน ยังได้เผยถึงประเด็นเรื่องอาหารหารกินขณะเก็บตัวอีกด้วย ซึ่งเธอเผยว่า “หลินขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัยค่ะ มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อทุกๆ คน แต่จากมาตรฐานเรือหรืออะไรก็ตาม ทางขึ้นลงเรือก็ลาดชันมาก และนางงามทุกคนใส่เดรส ใส่รองเท้าส้นสูงกัน ตอนเดินลงก็ไม่ปลอดภัยแล้ว และน้องเป็นเรือไม้ ซึ่งเราไม่รู้ว่าบรรจุน้ำหนักคนได้เท่าไหร่ แต่ทุกคนไปก็จอยอยู่แล้ว อาจจะเห็นภาพว่าทุกคนก็เต้น ซึ่งเราก็แอบหวั่นๆ ว่ามันรับน้ำหนักพอไหม
ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าจะไปทานอาหารกันบนเรือ แต่ปรากฎขึ้นไปคือไม่มีอาหารบนนั้น แต่ทีมงานไทยก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ อย่างที่ทุกคนเห็นว่าพวกเรากินถั่วต้มกัน จริงๆ มีไข่นกกระทาที่เป็นไข่ข้าว ที่บ้านเราอาจจะไม่ได้นิยมทานกันเท่าไหร่ ซึ่งนางงามทุกคนทานไม่เป็น ก็เลยต้องทานถั่วกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 2 ทุ่มครึ่ง พวกเรายังไม่ได้ทานข้าวเย็นกัน
อย่างที่ 2 คือเรื่องการทำงาน หลินเองอยู่ในองค์กร เรื่องการทำงานก็ค่อนข้างเป๊ะ เพราะฉะนั้นนางงามทุกคนเตรียมตัวกันมาเพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแบบตรงเวลามาก แต่พอเราไปถึงจุด แต่เรือยังไม่มาเทียบท่า ตอนนั้นหลินก็เริ่มเอ๊ะแล้ว แต่ไม่เป็นไร ตอนนั้นทุกคนก็แก้ไขสถานการณ์ว่ามาถ่ายรูปหมู่กันดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาระหว่างรอเรือมาเทียบท่า เราก็หวังว่าพอเรือมามันต้องเลิศแน่ๆ แต่ก็กลายเป็นเรือลำนั้นมาเทียบ ซึ่งหนูรู้สึกว่าการประสานงานมันไม่ตรงกันเท่าไหร่ ก็เป็นไปตามภาพที่ทุกคนเห็นเลยค่ะ ก็เสียความรู้สึกนิดนึง ก็ไปถามเพื่อนต่างชาติว่าเขาเสียความรู้สึกไหม เขาก็บอกว่าเสียความรู้สึกนะ เพราะเขาตั้งใจแต่งตัวสวยกันมา ขึ้นหน้า ขึ้นผม ซึ่งเรามีเวลาทำกันแค่ 1 ชม. หลังจากที่ไปทำกิจกรรมมา ทุกคนก็รีบทำให้ตัวเองสวยที่สุด แต่พอไปเห็นบรรยากาศแบบนั้นก็ตะลึงกันนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรเพื่อความแกรนด์ ทุกคนก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง
ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เริ่มจากเปิดเพลงให้บรรยากาศมันดีขึ้นก่อนค่ะ แล้วก็เสิร์ฟน้ำ ก็เป็นน้ำกระป๋องทั่วไป ระหว่างนั้นทีมไทยก็พยายามหาร้านอาหารที่ดีที่สุด เพราะเท่าที่คุยกับหม่ามี๊เทเรซ่าคือเราติดต่อใครไม่ได้เลย และไม่มีร้านอาหารที่ใหญ่พอจะจุนางงามได้ เพราะนางงาม 70 กว่าคน มีทีมงานอีก ก็เลยตัดสินใจวนเรือให้เขาชมบรรยากาศพนมเปญ สุดท้ายก็ไปเจอร้านอาหารที่ พี่ณวัฒน์ เป็นคนหาเอง และจุดที่หลินรับไม่ได้เลยก็คือ พี่ณวัฒน์ ต้องมาเสิร์ฟอาหารเอง (เสียงสั่น) เพราะร้านเขาทำออเดอร์ไม่ทันและเสิร์ฟไม่ทันด้วย หลินเลยรู้สึกว่าถ้าจะมาบอกว่า พี่ณวัฒน์ ไม่ใส่ใจคนในองค์กร หรือว่าทำงานไม่เต็มที่ มันไม่ใช่กับภาพที่หลินเห็น เพราะว่าเขาลงรถพร้อมเรา ขึ้นเรือและกำลังจะลงเรือพร้อมเราแล้ว แต่พอเขาเห็นแบบนั้นก็รีบไปจัดการให้ทุกอย่างมันดีขึ้น (ร้องไห้)
อีกอย่างที่ทำให้ปวดใจที่สุดก็คือเรื่องพี่แชมป์ (ทีมงานกองประกวด) ค่ะ ตามตารางเดิมเราจะมีสปอนเซอร์ไปพบปะเราที่ประเทศกัมพูชา แต่กลายเป็นว่าเราบินกลับมาก่อนด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น กลายเป็นคนในองค์กร พี่ๆ ทุกคนไม่ว่าจะใครก็ตามหรือพี่ๆ สื่อที่ไปด้วยก็ต้องจัดตารางกันใหม่ทั้งหมด และมันยากมากนะคะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะขอโทษสปอนเซอร์ทีละคน แล้วเราต้องขอวันเขามาลงในแต่ละวันใหม่ และต้องจัดแจงตารางนางงามใหม่ด้วยเหมือนกัน และที่ปวดใจคือหนูเห็นพี่แชมป์ร้องไห้ เพราะเขาต้องดูแลทุกอย่างจริงๆ คือกระเป๋านางงามก็คนละหลายใบ ก็เลยต้องทำให้พี่ๆ สื่อที่เราขอให้เขาไปกับเรา เลยต้องมาช่วยนางงามยกกระเป๋าด้วย มันเยอะมากจริงๆ นางงามหนึ่งคนกระเป๋า 3-4 ใบ และพี่แชมป์ก็ต้องจัดการตามคนนั้นคนนี้ เอาจริงๆ เหมือนจับปูใส่กระด้ง เพราะบางคนก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ ก็ต้องมาตามทีละคนว่าเช็กอินหรือยัง เพราะเราแบ่งไฟลต์นางงามเป็น 2 ไฟลต์ มันเยอะมากๆ ค่ะกับที่ทีมงานเราต้องจัดการ เลยทำให้หนูปวดใจ (ร้องไห้)
หนูก็ได้บอกเพื่อนๆ ไปนะคะว่าที่ไทยมีห้องเสื้อเยอะมาก ทุกคนไม่ต้องห่วงเลยเรื่องลงเรือพรุ่งนี้ เพราะทีมไทยเรามีคอนเนกชั่นกันอยู่แล้ว หรือแม่ๆ พี่ๆ ห้องเสื้อที่ไหนอยากจะมาช่วยซัพพอร์ตพวกหนูและนางงามเพื่อนๆ ต่างชาติทุกคน ก็ทักหาเพจมิสแกรนด์ไทยแลนด์ได้เลยนะคะ เพราะว่าพรุ่งนี้พวกหนูลงเรือกันแล้วค่ะ”
