หลังจากที่ ตั๊ก บงกช ได้มีการออกมาโพสต์ถึงกรณีครูทำร้ายนักเรียน และเผยว่า น้องข้าวหอม ลูกชายของเจ้าตัว ก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นกัน
ตั๊ก บงกช ประท้วงให้เอาผิดถึงที่สุด แฉซ้ำ!! รร.ดัง เคยสั่งให้ลูกชายอั้นปัสสาวะ
ตั๊ก บงกช อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา อนาคตหวังลูกสานเจตนารมณ์ต่อ
โซเชียลชื่นชม ตั๊ก บงกช ภรรยา เจ้าสัวบุญชัญ ให้ลูกเป่าเค้กราคาถูก
ตั๊กเล่าว่าลูกของตั๊กเอง ก็เคยโดนเเบบนี้ที่โรงเรียนสาธิตพัฒนา โดยให้อั้นปัสสาวะเเละไม่ให้กินน้ำทั้งที่ขอเเล้ว เเละเเอบสั่งไม่ให้บอกเเม่ กรองข้อมูลใส่หัวเด็กว่าเดี๋ยวเเม่จะมาทำร้ายครู
นอกจากนี้ ครูยังมีการตั้งฉายาให้กับเด็กๆ อาจจะเป็นเพราะทำไปเพื่อความสนุกสนาน โดย น้องข้าวหอม ชื่อจริงคือ ด.ช.ชีวกิตติ์ แต่ครูเปลี่ยนให้เป็น ชีวิตกุด เพื่อนๆก็เลยเอาไปล้อว่า ชีวิตกุด
ล่าสุดทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้มีการรายงานว่า “สมาชิกของสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนสาธิตพัฒนา ได้ออกมาชี้แจงว่าเรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่ ตั๊ก กล่าวแต่อย่างใด แต่อาจเป็นเพราะลูกชายของเจ้าตัวนั้น อาจจะติดเล่น ไม่ไปดื่มน้ำ และปัสสาวะให้เรียบร้อยเอง พอถึงเวลาเข้าเรียน แล้วมาขออนุญาตครู จึงทำให้ครูไม่อนุญาต”
ต่อมาทางรายการจึงติดต่อไปยังตั๊ก เพื่อทราบข้อมูลดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้ส่งสายไปให้ เจ้าสัวบุญชัย สามีของเจ้าตัว เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์นี้ โดยทาง เจ้าสัวบุญชัย ได้เผยว่า “ลูกถูกสั่งห้ามไปปัสสาวะ และไม่ให้ดื่มน้ำ เป็นคำพูดที่ลูกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งปกติแล้วลูกชายเป็นเด็กไม่โกหก เขาบอกว่าตอนพักเบรกยังไม่ปวดปัสสาวะ และยังไม่หิวน้ำ แต่มาปวดตอนเข้าเรียนแล้ว และครูไม่อนุญาต ซึ่งประเด็นนี้เลือกที่จะรับฟังลูก เพราะพ่อแม่แต่ละคนก็มีวิธีการเลี้ยงลูกไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องการเข้าเรียนนั้น ในช่วงโควิด 19 ทางโรงเรียนมีการสอนแบบออนไลน์ ให้เด็กเรียนหนังสือที่บ้าน แต่เมื่อโรงเรียนเปิดแล้ว ทางครอบครัวยังไม่อยากให้ลูกไปเรียน เพราะว่าลูกชายเป็นเด็กที่ไม่ชอบใส่หน้ากากอนามัย จึงขอยืดเวลาให้ลูกหยุดอยู่บ้านอีกสักระยะ ซึ่งทางโรงเรียนก็ยืนยันว่าไม่ได้ เพราะเป็นกฎระเบียบของโรงเรียน ที่เด็กต้องมีเวลาเข้าเรียนไม่น้อยกว่า 80% ไม่อย่างนั้นต้องซ้ำชั้น ทางบ้านจึงตัดสินใจให้ลูกลาออกดีกว่า เพราะไม่อยากให้ลูกไปสร้างความเดือดร้อนให้โรงเรียน และทางโรงเรียนก็ได้คืนเงินค่าเทอมมา 70% จากนั้นก็ย้ายลูกไปเรียนโรงเรียนอื่น โรงเรียนนี้ดี มีชื่อเสียง แต่รู้สึกไม่เป็นไปตามที่เคยรับฟังมาว่า 3 ปีแรก จะมีการเรียนการสอนแบบประเทศฟินแลนด์ คือให้เด็กสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ได้เน้นทฤษฎีในตำรา แต่พอไปเรียนแล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้”
ขอบคุณข้อมูลจาก : โพสต์ทูเดย์ (PostToday)