“อั๋น ภูวนาท” โพสต์ถึงนายกรัฐมนตรี วอนอย่ายกเลิกงาน “วิจิตรเจ้าพระยา” เสนอจัดอย่างสมพระเกียรติ เพื่อถวายรำลึกพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระพันปีหลวง
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจพิจารณายกเลิกการจัดงาน “วิจิตรเจ้าพระยา” และกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงปีนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การถวายความอาลัย อั๋น ภูวนาท พิธีกรและนักจัดรายการชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาจัดงานดังกล่าวต่อไป โดยเสนอให้ปรับรูปแบบเป็นการเฉลิมพระเกียรติและรำลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
โดย “อั๋น ภูวนาท” ได้โพสต์ข้อความว่า
“ถ้าผมเป็นรัฐบาล… ผมจะไม่ยกเลิกสารพัดงานของประเทศ
ผมจะไม่ยกเลิกงาน ‘วิจิตรเจ้าพระยา’ หรือ ‘มหกรรมลอยกระทง’
ผมจะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่ทำเป็นการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่แห่งรัชสมัยของพระราชินีในรัชกาลที่ 9
ให้คนไทยได้ร่วมรำลึก และให้ชาวโลกได้รับรู้ รู้จัก และได้เห็น
ผมจะเพิ่มโดรนเข้าไปให้มันสุดกว่าแค่พลุ ให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
และความรุ่งเรืองของเมืองไทยในรัชสมัยของพระองค์
ท่านนายกฯ ครม. และ ททท. ฝากพิจารณาด้วยครับ”
“เรื่องที่ผมจะพูดน่าจะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากพอสมควร แต่อยากยืนยันถึงเจตนาที่ดี มาชวนกันคิดชวนกันคุยถึงแนวทางในการเดินหน้ากันในช่วงเวลาที่ประเทศมีความบอบบางมากๆในหลายมิติแบบที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
ในภาวะเศรษฐกิจระดับหอบหืดหายใจรวยรินแทบไม่พ้นน้ำแบบเดือนต่อเดือน 2-3เดือนที่เหลืออยู่ตรงหน้าของปีนี้คือลมหายใจเกือบเฮือกสุดท้ายที่ทำให้หลายคน และธุรกิจยังมีหวังพอจะไปต่อได้
ผมแอบคิดว่า การไว้ทุกข์และไว้อาลัยน่าจะสามารถนำเสนออกมาได้หลากหลายอย่างสร้างสรรค์บนพื้นฐานของความเคารพสูงสุดเหมือนเดิม โดยไม่ต้องหยุดชะงักงันได้ไหม
เช่น การแสดงออกถึงความอาลัยนั้น ความจริงมีตัวอย่างที่น่าสนใจให้เห็นมากมายว่า อาจทำออกมาในรูปแบบของการเฉลิมฉลอง อาทิ In the memories of… , Celebration the life of… , Tribute…. แค่เพียงปรับและเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอโดยไม่ต้องใช้ความเศร้านำ แต่เป็นการใช้ความระลึกถึงโดยใช้การสร้างความทรงจำที่สวยงามร่วมกันแทน ผ่านevent concert แม้แต่งานพลุ ลอยกระทง วิจิตรเจ้าพระยา หรือDroneShow อย่างซาบซึ้ง ว่าเราโชคดีเพียงใดที่ได้เกิดในรัชสมัยของพระองค์นั้นเป็นต้น
งาน Event มหกรรมพลุ concerts เทศกาลสารพัด รวมถึงลอยกระทงในรูปแบบTribute หรือปรับconceptนี้ จะทำให้ธุรกิจทุกภาคส่วนยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ร่วมกันอย่างดีทั้งระบบ เผลอๆดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากหัวใจที่มีความรู้สึกร่วมกันของคนไทย โดยไม่ต้องใช้วิธีและวิถีแห่งความเศร้าสลดนำ
ในส่วนของพระราชพิธีและขนบอันทรงคุณค่าก็เดินหน้ารักษาส่งเสริมควบคู่ เคียงข้างกันไป
ผมไม่ได้รังเกียจการต้องมีน้ำตาหรือร้องไห้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้ แต่ผมแค่อยากให้พวกเราลองคิดตามดู โดยเฉพาะท่านผู้นำในหลายภาคส่วนทั้ง ททท กระทรวงท่องเที่ยว ครม โดยเฉพาะท่านนายก อาจจะลองพิจารณาในมุมที่เปิดกว้างขึ้นอย่างสร้างสรรค์นี้ ที่อาจจะนำพาประเทศไทยที่บอบช้ำมามากๆๆๆๆ ให้ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ได้อย่างแตกต่าง
ไม่ได้บอกว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด แต่อยากให้พิจารณาว่ามันอาจเป็น1วิธีที่เราจะก้าวข้ามผ่านได้แบบไม่มีใครต้องร้องไห้ไปพร้อมกับต้องเสี่ยงจะจมน้ำตายจากเศรษฐกิจที่หยุดชะงักตามไปด้วย
นี่อาจเป็นจุดพิสูจน์ภาวะผู้นำที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในยามคับขันก็เป็นได้
โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ และมีผู้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย โดยหลายฝ่ายเห็นด้วยกับแนวคิดของพิธีกรหนุ่ม ว่าควรใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอความงดงามของวัฒนธรรมไทยควบคู่กับการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง
ในเวลาต่อมา เพจชื่อดัง “หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ” ได้ออกมาโพสต์สนับสนุนแนวคิดของ “อั๋น ภูวนาท” พร้อมเสนอแนวทางเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยควรใช้ประเพณีระดับโลก เช่น งานลอยกระทง เป็นเวทีในการ สืบสานพระราชปณิธาน ของสมเด็จพระพันปีหลวง ผ่านการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้คนไทยและชาวต่างชาติร่วม สวมใส่ชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ พร้อมติดริบบิ้นดำเพื่อถวายความอาลัยอย่างเหมาะสม
เพจดังกล่าวยังเสนอให้จัด นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ แสดงถึงพระราชกรณียกิจด้านการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย โดยเฉพาะงานผ้าไหมไทย ชุดไทยพระราชนิยม และศิลปะการแสดงโขน เพื่อถวายความอาลัยและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระพันปีหลวงให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ
พร้อมทิ้งท้ายด้วยข้อความว่า
“เราสามารถจัดงานให้ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ แต่เหมาะสม และประกาศให้ชาวโลกได้รู้ว่า ชุดไทยคือมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยทุกคน ที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงทิ้งไว้ให้ลูกหลาน”
ทั้ง “อั๋น ภูวนาท” และเพจ “หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ” ต่างย้ำในแนวทางเดียวกันว่า การจัดงานอย่างเหมาะสมและมีความหมาย ไม่เพียงเป็นการถวายความอาลัย แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการ ผลักดัน Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก อย่างสง่างามและสมพระเกียรติยิ่ง
ที่มา : unpuwanart