ภัยเงียบ! ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน หรือ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อันตรายถึงชีวิต เจ็บหน้าอกแบบไหนเสี่ยงบ้าง
สุขภาพเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจอยู่เสมอ การทำงานหนัก วิธีการรับประทานอาหารในแต่ละวัน การออกกำลังกาย กิจวัตรต่างๆ ของเราล้วนส่งผลต่อสุขภาพอย่างหนัก ซึ่งถ้าเราดูแลตัวเองได้ไม่ดี วันนึงร่างกายอาจจะดับลงไปแบบดื้อๆ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน เป็นอีกโรคนึงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน กลไกการเกิดมาจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแคบอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีใครบอกได้ว่าหลอดเลือดจะอุดตันเมื่อใด และกล้ามเนื้อหัวใจจะขาดเลือดตอนไหน แล้วอาการเตือนสำคัญจะเป็นยังไงบ้างมาดูเลย!

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งพบได้บ่อยและต้องระมัดระวังอย่างมาก ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจหัวใจ นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ยังได้แก่ การสูบบุหรี่ และภาวะกรนรุนแรง หรือภาวะหยุดหายใจระหว่างหลับซึ่งมีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าทำให้ผู้ป่วยขาดออกซิเจนเป็นผลให้หลอดเลือดเสื่อมเร็ว และสามารถกระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย
นอกจากผู้ป่วยจะมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลันจากลิ่มเลือดแล้ว ยังมีผู้ป่วยอีกกลุ่มที่ต้องระวัง คือกลุ่มที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งลิ่มเลือดยังไม่อุดตัน ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการเฉพาะเมื่อหัวใจต้องทำงานหนัก คือตอนที่ออกแรง และหัวใจเต้นเร็ว ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องอาศัยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงควบคู่ไปกับการใช้ยาซึ่งมักจะได้ผลดี หรือในกรณีที่เป็นมากอาจต้องพิจารณาการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ หรือกรณีที่หลอดเลือดตีบหลายเส้น แพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัด
ปัจจัยเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- เพศ จากข้อมูลทางสถิติที่ผ่านมา พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
- อายุ พบผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในวัยกลางคนขึ้นไปถึงวัยสูงอายุ เพศชายอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และเพศหญิงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเดียวกันป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดร่วมด้วย โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่เริ่มมีอาการตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคนี้ร่วมด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
- โรคประจำตัว หรือโรคที่พบร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วน เป็นต้น
- พฤติกรรมเสี่ยงจากการสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย ภาวะเครียดเรื้อรัง
อาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
หัวใจ เป็นกล้ามเนื้อที่ปั้มเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อและปั้มเลือดไปปอดเพื่อฟอกเลือด ในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจต้องได้รับสารอาหาร และออกซิเจนจากหลอดเลือดโคโรนารี (Coronary Arteries) ซึ่งมีอยู่ 3 เส้น ถ้าหากเส้นใดเส้นหนึ่งเกิดการอุดตันด้วยลิ่มเลือด หรือตีบตันจากหลอดเลือดแข็งจนกล้ามเนื้อบริเวณนั้นขาดเลือดภายใน 20 นาที กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะตาย กล้ามเนื้อหัวใจไม่ทำงาน อาจพบอาการมากน้อยต่างกัน อาการที่สำคัญ คือผู้ป่วยที่หลอดเลือดหัวใจตีบมักจะ
- อาการแน่นหน้าอก (Angina Pectoris) คล้ายมีของหนักทับหน้าอก มีอาการคล้ายมีอะไรมาบีบรัด เจ็บใต้กระดูกด้านซ้าย อาจเจ็บร้าวถึงขากรรไกร และแขนซ้าย อาการเจ็บมักจะสัมพันธ์กับการออกกำลังกาย เช่น วิ่งตามรถเมล์ เดินขึ้นสะพานลอย ยกของหนัก ภาวะเครียดจัด อาการเจ็บมักไม่เกิน 15-30นาที อมยาแล้วหายปวด พักแล้วอาการเจ็บจะหาย มีอาการเจ็บไหล่ คอ ขากรรไกร หลัง
- อาการปวดท้องโดยเฉพาะเจ็บหน้าอกร้าวมาบริเวณลิ้นปี่ หายใจติดขัด หายใจไม่ออก เหนื่อย เวียนศีรษะ หน้ามืดจะเป็นลม คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก หากท่านมีอาการเจ็บหน้าอก
- มีอาการดังกล่าวข้างต้นเป็นครั้งแรก ต้องรีบพบแพทย์ หรือมีอาการเจ็บหน้าอกมานาน และความรุนแรงไม่ได้เปลี่ยนแปลง อาจจะรับประทานยาที่มีอยู่เดิม และรับคำปรึกษาจากแพทย์ ท่านที่มีอาการเจ็บหน้าอกอยู่ก่อน หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์ เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า Unstable Angina
- เจ็บครั้งนี้ เจ็บมากกว่าครั้งก่อนๆ
- เจ็บครั้งนี้ นานกว่า 20 นาที
- เจ็บครั้งนี้ เกิดขณะพัก
- เจ็บครั้งนี้ อมยาแล้วไม่หายเจ็บ
- เจ็บครั้งนี้ เจ็บมากจนเหงื่อออก เป็นลม หรือหายใจหอบ
สำหรับผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ป่วยเบาหวานบางรายไม่มีอาการแน่นหน้าอก แต่มาด้วยอาการใจสั่น เป็นลม หรืออาการอื่นๆ ที่พบไม่บ่อย เช่น อาจจะปวดจุกท้องบริเวณลิ้นปี่ หายใจไม่พอ หายใจสั้นๆ กระสับกระส่าย อ่อนเพลีย ใจสั่น เหงื่อออก
วิธีการป้องกันการเกิดโรค
- การควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของโรค โดยเฉพาะการควบคุมและรักษาโรคที่พบร่วมต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ได้แก่ สูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนจนเกินไป โดยการออกกำลังกายชนิดแอโรบิกเป็นประจำสม่ำเสมอ ครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 5 ครั้งต่อสัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ปลา ผัก และผลไม้
- งดรับประทานอาหารที่มีรสมันจัด หรือมีคอเลสเตอรอลสูง และผ่อนคลายจิตใจ เพื่อลดภาวะเครียดรับประทานยาโดยเคร่งครัด พกยาอมใต้ลิ้นเพื่อได้ใช้ทันที
แหล่งที่มา paolohospital
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY