แมลงสาบกัด อย่าชะล่าใจ! อาจอันตรายถึงชีวิต หากแพ้น้ำลาย และมีอาการติดเชื้อ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อประเมินอาการด่วน!
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2565 ที่ผ่าน หน่วยกู้ชีพขุนรัตนาวุธกาญจนบุรี ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ หญิงสาว สัญชาติ เมียนมา รายหนึ่งที่ถูก “แมลงสาบกัด” จนมีอาการปวดแผล หน้ามืด ปวดหัวหน้ามืดอย่างรุนแรงกระทั้งต้องส่งโรงพยาบาลนั้น
ล่าสุดทางทีมงาน ไบรท์ ทูเดย์ (Bright Today) ก็ได้ไปค้นคว้าหาข้อมูล พบว่าอาจเกิดจาก เชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวของ “แมลงสาบ” จนทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้น

โดยการถูกแมลงสาบกัด อาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้
- ปฏิกิริยาแพ้ต่อน้ำลายหรือสิ่งขับถ่ายของแมลงสาบ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนที่ไม่แพ้ ก็จะไม่อาการอะไร หรืออาจเป็นเพียงรอยแดง คันเล็กน้อย และหายได้เองในเวลาไม่นาน บางคนอาจมีอาการแพ้มาก จนเกิดเป็นตุ่มแดงนูน คัน และมีน้ำเหลืองซึม
- การติดเชื้อราที่ผิวหนัง ซึ่งตามลำตัว ปีก ขา และปากของแมลงสาบ อาจมีเชื้อราอยู่ได้
- ผิวหนังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
- การติดเชื้อบาดทะยัก
- ในขี้ของแมลงสาบ อาจมีไข่ของพยาธิ เช่น ไข่พยาธิเข็มหมุด , ไข่พยาธิปากขอ , ไข่พยาธิไส้เดือน , ไข่พยาธิตัวตืด , ไข่พยาธิตัวจี๊ด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกกัดแล้ว แนะนำให้ล้างทำความสะอาดด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เช็ดให้แห้ง และใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพไวโดน ไอโอดีน เป็นต้น หากเกิดปฏิกิริยาแพ้รุนแรง เช่น เกิดเป้นตุ่มนูนแดงใหญ่ คันมาก หรือมีผื่นคันขึ้นตามผิวหนังบริเวณส่วนอื่นๆ ด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ หรือหากผิวหนังเกิดการอักเสบแดง มีน้ำเหลืองหนือหนองซึม ก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน
ทั้งนี้ หากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยฉีดวัคซีนบาดทะยักกระตุ้น ผู้ที่ถูกกัดและมีอาการติดเชื้อ ควรพิจารณาไปฉีดวัคซีนบาดทะยักด้วยค่ะ
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY