นอกจากอาการปวดท้องเวลา เป็นประจำเดือน ที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องทรมานจนอยากจะตัดมดลูกทิ้งให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ทั้งยังมีอาการที่น่ารำคาญ และทำให้ผู้หญิงหลายคนทรมานไม่แพ้กัน คืออาการ “ท้องเสีย” นั่นเอง
ทำไมผู้หญิงหลายคนถึงมีอาการท้องเสียในช่วงที่มีประจำเดือน?
ถ้าใครยังจำความรู้ที่เคยเรียนมาตอนเด็กๆ ได้ จะทราบดีว่า ช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือน หรือใกล้มีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเจน เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งที่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีสิวขึ้นบริเวณใบหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงที่อาจไม่เห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ เช่น อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาจากฮอร์โมนที่มีชื่อว่า “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ที่นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวไปแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของคุณผู้หญิงด้วย เช่น ภูมิต้านทานน้อยลง ส่งผลให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเป็นหวัด ติดเชื้อในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น หรือมีไข้ หรือส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร จนทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
อาการท้องเสียระหว่างมีประจำเดือน มาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มมากขึ้น บวกกับระดับฮอร์โมนเซโรโทนินที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวได้ แต่ส่วนใหญ่อาการไม่น่าเป็นห่วง อาการท้องเสียจะค่อยๆ หายไปเองหลังจากมีประจำเดือนไปได้ 1-3 วัน
การป้องกันและลดอาการท้องเสียช่วงมีประจำเดือน
• ควรรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากขึ้นเพื่อให้อุจจาระเป็นก้อนมากขึ้น
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน นม และอาหารรสจัด
• ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อชดเชยการเสียน้ำจากอาการท้องเสีย
• ยาแก้ปวดประจำเดือนในกลุ่ม NSAIDs เช่น Ponstan Ibuprofen อาจช่วยได้ในรายที่มีอาการปวดท้องน้อยและท้องเสียมากๆ
ข้อมูลจาก : Honestdocs / siamrath