คุณกำลังเป็นอยู่ใช่ไหม ‘หมดไฟในการทำงาน‘ รู้สึกทำงานไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อน ตื่นเช้ามาก็ขี้เกียจ คุณอาจจะกำลังเป็น ภาวะหมดไฟจากการทำงาน หรือ Burnout Syndrome อยู่ก็ได้นะ
โดยในปัจจุบันภาวะคุกคามคุณภาพชีวิตของคนไทย อาจไม่ใช่เพียงแค่โรคทางกายเท่านั้น แต่สภาวะความผิดปกติทางจิตใจกำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามคนวัยทำงานยุคนี้ ล่าสุดภาวะนี้กำลังเป็นที่กล่าวถึงในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะประชาชนคนทำงานรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกับความรู้สึก “เหนื่อยล้าจากการทำงาน ไม่มีใจ หมดแรง และหมดไฟ” ที่กำลังเผชิญอยู่นั่นเอง
อาการของภาวะหมดไฟในการทำงาน เป็นอย่างไร?
แม้วันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ แต่เขาเฝ้ารอว่าจะถึงวันหยุดเมื่อไหร่ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขารู้สึกเบื่อหน่ายการทำงาน โดยไม่รู้เหตุผลว่าเกิดจากอะไร เขารู้เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ไม่อยากจะทำงานกับเพื่อนร่วมงาน และขาดแรงจูงใจในเกือบทุกวัน และเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อจะได้กลับบ้าน เขาจะงีบหลับต่อหน้าผู้ร่วมงาน (เมื่อก่อนไม่เคยงีบหลับอย่างนี้มาก่อน) เขารู้สึกเขาไม่มีเวลาที่จะทำงานที่ล้นมือ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดแสดงถึงอาการของภาวะหมดไฟอย่างชัดเจน
นิยามของ ภาวะหมดไฟในการทำงาน นิยามที่นิยมใช้ได้แก่
- ภาวการณ์อ่อนล้า ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ซึ่งเกิดจากการอยู่ในสถานการณ์ที่มีความกดดันต่ออารมณ์อย่างยาวนาน
- ภาวะของความอ่อนล้า หรือผิดหวัง อันเกิดจากผลของ วิถีการดำเนินชีวิต หรือสัมพันธ์กับการที่ไม่สามารถได้รับผลตอบแทนหรือรางวัลที่คาดหวังไว้
แม้ว่าภาวะหมดไฟในการทำงานจะไม่สามารถวินิจฉัยได้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์เหมือนเช่นโรคอื่นๆ แต่ก็สามารถทำได้ด้วยการใช้แบบสอบถาม “Burnout Self-Test” Burn Out Self Test ที่พัฒนาขึ้นโดย คริสติน่า มาสลัช (Christina Maslach) นักจิตวิทยาสังคมชาวอเมริกัน ซึ่งแบบสอบถามนี้ได้จัดแบ่งคำถามตามหัวข้อชี้วัดภาวะหมดไฟในการทำงานออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรง เหนื่อยล้า พลังชีวิตหดหาย (Emotional Exhaustion)
- ความรู้สึกไม่อยากทำงาน หรือมีทัศนคติเชิงลบต่องานที่ทำ (Cynicism)
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง (Professional Efficacy)
คลิกที่นี่เพื่อทำแบบสอบถาม!

จะประเมินได้อย่างไรว่า มีภาวะหมดไฟจากการทำงาน?
หลังจากที่ทำแบบสอบถามด้วยตนเอง ซึ่งมีคำถามทั้งหมด 15 ข้อ โดยแต่ละข้อมีคะแนนตั้งแต่ 1-5 คะแนน (คะแนน 1 คือไม่มีเลย ส่วนคะแนน 5 คือ เกิดเป็นประจำ) เมื่อรวมคะแนนของแต่ละข้อจะสามารถแบ่งได้เป็น กลุ่มได้แก่
15-18: ไม่มีอาการของภาวะหมดไฟจากการทำงาน
19-32: มีอาการของภาวะหมดไฟจากการทำงานเล็กน้อย
33-49: มีความเสี่ยงที่จะมีภาวะหมดไฟจากการทำงาน
50-59: มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะมีภาวะหมดไฟจากการทำงาน
60-75: มีความเสี่ยงอย่างรุนแรงที่จะมีภาวะหมดไฟจากการทำงาน
การแปรผลคะแนน (ไม่ต้องสนใจคะแนนรวมมากเกินไป แต่ให้ความสนใจในข้อที่ได้คะแนน 5 )
วิธีจัดการภาวะหมดไฟจากการทำงาน
- กำหนดเป้าประสงค์ในการทำงานที่ชัดเจน จะทำให้เห็นความสำเร็จจากการทำงาน
- วิเคราะห์งาน (Job Analysis) และลำดับความสำคัญของงาน ทำให้สามารถลดการทำงานบางอย่างที่ไม่สำคัญหรือไม่จำเป็น การลด workload ทำให้สามารถจัดการภาวะหมดไฟได้
- เป็นผู้ให้ ไม่ใช่เป็นผู้รับอย่างเดียว ทำให้เกิดรู้สึกดีๆจากการให้
- การทำงานอย่างมีอิสระ (autonomy) ทำให้สามารถควบคุมการทำงานด้วยตัวของตัวเองได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เรียนรู้ในการจัดการความเครียด
ขอบคุณข้อมูลจาก : ศ. ดร. นพ. พรชัย สิทธิศรัณย์กุล