ระวัง!! กลิ่นเท้าแรง เป็นสัญญาณเตือนของ “โรคน้ำกัดเท้า” เชื้อราที่มาพร้อมกับ “น้ำท่วม” เรื่องไม่เล็กที่ไม่ควรมองข้าม ส่งผลถึงบุคลิกภาพ
ปัญหาเรื่องกลิ่นถือ ถือว่าเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับใครหลายๆคน บางคนมีกลิ่นเท้าจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง แต่บางคนสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยที่ทำให้มีกลิ่นเท้า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กลิ่นเท้าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะส่งผลถึงการใช้ชีวิต อีกทั้งยังส่งผลถึงบุคลิกภาพ และยิ่งช่วงนี้ฝนตก น้ำท่วม หากลุยน้ำบ่อย ก็เป็นสาเหตุที่ทำมห้เกิดกลิ่นเท้าได้ และยังสามารถลุกลามได้ถึงโรคนำ้กัดเท้าได้ด้วย
โรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot) หรือฮ่องกงฟุต เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคขี้กลาก นั่นคือ เชื้อราในสายพันธ์ Dermatophytes โดยเชื้อราชนิดนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่เปียกชื้น เช่น รองเท้าที่ลุยน้ำท่วม พื้นห้องอาบน้ำ หรือพื้นบริเวณสระว่ายน้ำ เป็นต้น เมื่อเราใส่รองเท้าที่มีเชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตอยู่จะทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้านั่นเอง
นอกจากนี้เชื้อราชนิดนี้ยังสามารถติดเชื้อได้จากการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น รองเท้า ถุงน้ำ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น ซึ่งเชื้อราชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นกับอวัยวะในส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย
อาการที่พบได้บ่อยในง่ามนิ้วเท้า โดยอาการในระยะแรกที่ยังไม่มีการติดเชื้อนั้นเท้าจะมีลักษณะเปื่อย แดง และลอกเพราะเกิดการระคายเคือง แต่ถ้าหากมีอาการคันและเกาจนเกิดเป็นแผลจะมีการอักเสบ และติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งการติดเชื้อจะทำให้เกิดอาการแสบร้อน ปวด แผลเป็นหนอง ผิวเป็นขุย และลอกออกเป็นแผ่นสีขาว อาจมีกลิ่นเหม็นตามซอกเท้า
รักษาเท้าให้สะอาด ล้างเท้าให้สะอาด พยายามเช็ดแผลให้แห้ง ไม่ควรสวมรองเท้าปิด หรือใส่ถุงเท้า เปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่ที่แห้งและสะอาด ใช้ครีม หรือขี้ผึ้งกันเชื้อรา หรือโรยแป้งที่เท้าเพื่อไม่ให้เท้าเปียกชื้น หากแผลติดเชื้อราสามารถรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วยได้ ซึ่งหากแผลติดเชื้อจะต้องรับประทานยาติดต่อกันอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์แต่หากมีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์
ข้อมูล – www.petcharavejhospital.com
สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
บทความสุขภาพที่น่าสนใจ