วัคซีนพร้อม ยารักษาก็พร้อม ทำความรู้จักพระเอกคนใหม่! “โซโทรวิแมบ” ยารักษาโควิดกลายพันธ์ุ พร้อมสู้ โอมิครอน เต็มกำลัง แนะนำให้ใช้ยาภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการป่วย
ในสถานการณ์ดารแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นอกเสียจากวัคซีนโควิดที่จะเป็นเหมือนทหารด่านแรกที่ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันในกัยร่างกายแล้วนั้น หากติดเชื้อยารักษาก็เป็นอีกประเด็นที่สำคัญ ที่ผ่านมาหลายคนอาจรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อยา ‘ฟาวิพิราเวียร์‘ ที่ใช้เป็นหยึ่งในยาที่รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ปัจจุบันเชื้อโควิดมีการพัฒนา และกลายพันธุ์ออกไปเป็นหลายตัว ทั้งนี้เราควรที่จะมียา หรืออาวุธที่พร้อมรบกับเชื้อกลายพันธุ์
ทางด้านของ ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยารักษาโควิดสู้สายพันธุ์ Omicron (B.1.1.529) ที่ชื่อว่า โซโทรวิแมบ: Sotrovimab (VIR-7831) มีประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ รวมถึงไวรัสกลายพันธุ์อย่างโอไมครอน โดยมีประสิทธิภาพต่อต้านการกลายพันธุ์ทั้งหมดในโปรตีนหนามของสายพันธุ์โอมิครอน แม้จะมีการกลายพันธุ์ถึง 37 จุดในโปรตีนหนามก็ตาม
- โดยการยับยั้งได้มุ่งไปที่โปรตีนหนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของไวรัสที่จับกับเซลล์ในร่างกายของเรา
- มีการเปลี่ยนแปลงค่าความไวของยาน้อยอยู่ในระดับที่ยาสามารถยับยั้งไวรัสสายพันธุ์ Omicron (IC50) เท่ากับ 2.7 เท่าของสายพันธุ์ปกติ
การทดลองยังเปรียบเทียบการทำลายฤทธิ์ของไวรัสด้วย Sotrovimab (VIR-7831) ระหว่าง สายพันธุ์ดั้งเดิมกับไวรัสสายพันธุ์ Omicron พบว่าความเข้มข้นของ Sotrovimab ที่ใช้ทำลาย Omicron ใกล้เคียงกับสายพันธุ์ดั้งเดิม นอกเหนือจากนี้ ยังพบข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆที่อ้างอิงและเผยแพร่ผลการทดสอบความไวของ Sotrovimab กับ Omicron ที่สนับสนุนว่า Sotrovimab มีความไวต่อสายพันธุ์ดังกล่าว ในขณะที่โมโนโคลนอล แอนติบอดี้อื่นๆมีความไวที่ลดลง
- Sotrovimab ช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยหนักและการเสียชีวิตในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางได้ร้อยละ 79
- มีประสิทธิภาพในการยับยั้งไม่ให้เชื้อแพร่สู่ปอดด้วย
- หน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (MHRA) ของสหราชอาณาจักรได้อนุมัติ Sotrovimab ภายใต้ชื่อทางการค้าว่า Xevudy เพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นเล็กน้อยถึงปานกลาง และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการป่วยรุนแรง
- มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการเกิดอาการป่วยรุนแรงของผู้ที่ได้รับเชื้อโควิด-19 และมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ซึ่ง MHRA แนะนำให้ใช้ยาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดหรือภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการป่วย
