เชื่อว่า สาว ๆ หลาย ๆ คนคงเคยกิน ‘น้ำมะเขือเทศ‘ อย่างแน่นอน แอดเองก็เคย แต่ก็นะ รสชาติของมันเกินจะบรรยาย แอดเลยขอบายดีกว่า แต่ด้วยสรรพคุณของมะเขือเทศ เพื่อน ๆ ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่ามีสารอาหารสำคัญ ๆ มากมาย แต่การกินน้ำมะเขือเทศทุก ๆ วัน ช่วยให้ผิวสวย อ่อนกว่าวัยได้ จริง ๆ เหรอ?
วันนี้ ไบรท์ทูเดย์ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดื่ม น้ำมะเขือเทศ มาฝากทุกคนกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถดื่มน้ำมะเขือเทศได้ ส่วนข้อมูลที่อ้างว่า ดื่มน้ำมะเขือเทศแล้วทำให้ผิวสวยได้นั้น จะเป็นความจริงหรือไม่ ก็ต้องมาหาคำตอบกันวันนี้เลย

มะเขือเทศมีประโยชน์อย่างไร?
ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอยู่หลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี1 วิตามินบี2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอทีร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว
โดยในมะเขือเทศ จะมี ‘ไลโคปีน (Lycopene)‘ ซึ่งเป็นสารสำคัญในผลมะเขือเทศ ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ สารตัวนี้จัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู มะละกอ รวมถึงมะเขือเทศที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารสำคัญตัวนี้มีของดีซ่อนอยู่มากมายเลยทีเดียว
ไลโคปีนเป็นสารประกอบที่มีรายงานว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพได้หลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประโยชน์ด้านการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งคอหอย มะเร็งช่องปาก มะเร็งเต้านม และที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ‘มะเร็งต่อมลูกหมาก’ ภัยร้ายที่ลูกผู้ชายหวาดกลัวนั่นเอง
แล้วมะเขือเทศสด กับน้ำมะเขือเทศ ชนิดใดให้ไลโคปีนสูงกว่ากัน?
โดยทั่วไป ปริมาณไลโคปีนในผลไม้และมะเขือเทศสดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อนำมะเขือเทศสดไปผ่านกระบวนการผลิตให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์มะเขือเทศชนิดต่างๆ พบว่าปริมาณไลโคปีนสูงขึ้นมาก เนื่องจากมีการผ่านกระบวนการทำให้เข้มข้นขึ้น ดังนั้น อาหารอิตาเลียน พวกพิซซ่า สปาเก็ตตี้ ที่มีการแต่งรสด้วยซอส หรือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) ที่ผลิตจากมะเขือเทศ จึงเป็นแหล่งให้ไลโคปีนที่ดี
จากงานวิจัยในปี พ.ศ. 2554 ของประเทศอังกฤษ พบว่า ผู้หญิงจำนวน 20 คน ที่บริโภคซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่มีสาร “ไลโคปีน” เพียงอย่างเดียว ติดต่อกันยาวนาน 12 สัปดาห์ สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของโปรตีน (เอนไซม์) “MMP-1″ ที่เป็นต้นเหตุให้คอลลาเจนในชั้นผิวแตกตัวและเสื่อมสภาพได้ พร้อมทั้งยืนยันว่า สารไลโคปีนมีส่วนช่วยเสริมโปรคอลลาเจน (Procollagen) ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้

จากงานวิจัยข้างต้น สามารถยืนยันได้ว่าการที่ร่างกายได้รับไลโคปีนที่เข้มข้นมากเท่าไร ยิ่งมีผลดีต่อสุขภาพผิวและสุขภาพกายมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าอยากจะให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมอีก แนะนำให้รับประทานมะเขือเทศควบคู่กับผักและผลไม้ที่ให้วิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามเทศ เป็นต้น
เพราะ “วิตามินซี” จะช่วยเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำ ทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระบริเวณ ‘ด้านนอก’ ของเซลล์ผิวหนัง ในขณะที่ ไลโคปีน จะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระในระดับ ‘เยื่อหุ้มเซลล์’ ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงจากภายในได้เป็นอย่างดี
เห็นถึงประโยชน์กันขนาดนี้แล้ว ลองหันมาดื่มหรือรับประทานผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศกันดูนะคะ การรับประทานอย่างต่อเนื่องและรับประทานในรูปแบบที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดีและมีสุขภาพกายที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรคมะเร็งร้ายแน่นอน