จากกรณีที่สำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ย่านพุทธมณฑล เผาศพหญิงไร้ญาติบนกองฝืนโดยไม่เหมาะสม ล่าสุดในวันนี้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ขณะที่เจ้าสำนักอ้างว่าไม่รู้ข้อกฎหมายว่าห้ามเผาศพในสำนักสงฆ์
โดยพื้นที่แห่งนี้มีทั้งหมด 14 ไร่ ซึ่งแต่เดิม เจ้าของกำลังจะเปิดเป็นรีสอร์ท แต่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ในปี 2547 เจ้าของรีสอร์ทจึงได้เอาที่จำนองไว้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง จนที่ดินผืนนี้หลุดเป็นทรัพย์ของสถาบันการเงินแห่งนี้ เป็นต้นมา จากนั้นปี 2554 พระครูปลัดธีระธนัชณฤทธา ได้เข้ามาจับจองพื้นที่เป็นของตนเองและจัดตั้งสำนักปฎิบัติธรรมขึ้น โดยในครั้งนั้น ก็มีประชาชนในพื้นที่คัดค้านถึงการเข้ามาครอบครองของพระครูปลัดรายนี้ เนื่องจากชาวบ้านมองว่าไม่เหมาะสม สุดท้ายพระครูปลัดรายนี้ ก็เปิดสำนักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นมาจนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อ ว่า เวลาต่อมา สถาบันการเงินเจ้าของพื้นที่ก็ได้เข้ามา ตรวจสอบพร้อมยื่นคำขาดให้ กลุ่มพระสงฆ์ออกไปจากพื้นที่ แต่พระครูปลัดธีระได้ทำการขอซื้อที่ดินผืนนี้ ด้วยการวางเงินมัดจำ 5 แสนบาท จากราคาที่ดิน 60 ล้านบาท แต่จะขอผ่อนจ่ายเดือนละ 15,000 บาท สถาบันการเงินจึงยอมเพราะเห็นว่าใช้เป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรม แต่หลังจากวันที่มีการทำสัญญาพระครูปลัดธีระก็ไม่เคยชำระเงินตามสัญญา จนสถาบันการเงินเจ้าของพื้นที่ต้องเจรจาเพื่อขอพื้นที่คืน แต่พระครูปลัดธีระก็ไม่ยินยอม จึงมีการฟ้องร้องและขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของศาลแพ่ง
ด้านพระครูเมตตา มงคลวิศิษฎ์ เจ้าคณะแขวงทวีวัฒนา ได้มาพูดคุยกับพระครูปลัดธีระ เพื่อให้พระครูปลัดธีระ ชี้แจง ซึ่งระหว่างการเจรจา พระครูปลัดก็ไม่มี ท่าทีจะฟังซึ่งพระครูปลัดธีระก็อ้างว่า พระครูเมตตาไม่ให้ความเป็นธรรมกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะนำตัวพระลูกวัดไปตรวจสอบอีกทีว่ามีบัตรของพระสงฆ์ถูกต้องหรือไม่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พระสงฆ์คนไทยบวชถูกต้อง ตามกฏหมายจริง แต่วัดที่อาศัยอยู่นั้นไม่ตรงตามที่ระบุไว้ในใบสุทธิ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปที่สถานีตำรวจและสำนักพระพุทธศาสนา และจากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่าพระที่อาศัยอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ประพฤติตัวไม่เหมาะสม มีการฉันอาหารยามวิกาล เช่น สั่งหมูย่างเกาหลีมาฉันในเวลา 5 โมงเย็น
สำหรับสำนักปฎิบัติธรรมแห่งนี้ มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ประมาณ 40 รูปซึ่งขณะที่ทีมข่าวและเจ้าหน้าที่ลงตรวจพื้นที่ พบพระสงฆ์เหลืออยู่ประมาณ 10 รูป เมื่อสอบถามไปยังพระธีระ ที่ดูแลที่แห่งนี้อยู่ถึงประเด็นที่พระสงฆ์หายไปไหน พระครูปลัดธีระให้คำตอบว่า พระได้อพยพหนีไปบางส่วนแล้ว
ด้านสำนักพระพุทธศาสนาได้เข้าไถ่ถามถึงประเด็นที่มีการเผาศพโดยไม่ได้รับอนุญาติ พระธีระก็บอกว่าทำไปเพราะรู้จักกับผู้ตาย และไม่คิดว่าการนำฟืนมาตั้งเพื่อเผาศพจะเสียหายตรงไหน สมัยก่อนก็ทำกัน จึงทำให้มีการโต้ตอบในประเด็นนี้ แต่ตามหลักความเป็นจริงแล้วนั้น การเผาศพเช่นนี้ถือว่ากระทำผิดและขัดต่อพระพุทธศาสนา