(29 พ.ค.60) เวลา 13.30 น. ณ สถานีสูบน้ำพระโขนง เขตคลองเตย : พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ให้การต้อนรับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะในการตรวจเยี่ยมและติดตามแผนบริหารจัดการน้ำกรุงเทพมหานคร ระบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมถึงแนวทางจัดการน้ำเร่งระบายและการบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งยังได้ลงตรวจพื้นที่บริเวณซอยลาซาล–แบริ่ง ถนนสุขุมวิท เพื่อติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ และจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก
*กรุงเทพฯ พื้นที่ลุ่มต่ำ แก้ปัญหาโดยใช้ระบบปิดล้อมแล้วสูบน้ำออก
กรุงเทพมหานคร มีลักษณะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ประกอบกับสภาพกายภาพอื่นๆ เช่น ปัญหาผังเมืองและเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ที่ว่างรับน้ำลดจำนวนลง โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ กีดขวางทางน้ำ ปัญหาขยะ วัชพืช และไขมันอุดตันทางระบายน้ำ ตลอดจนท่อระบายน้ำมีขนาดเล็กเพียง 60 เซ็นติเมตร ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อฝนตกหนัก และจำเป็นต้องเร่งระบายออกจากพื้นที่โดยเร็ว อีกทั้งปัญหาบ้านเรือนรุกล้ำคลองสาธารณะ ทำให้กรุงเทพมหานครไม่สามารถเข้าไปพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคูคลองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการระบายน้ำของกรุงเทพมหานครจึงใช้แบบระบบพื้นที่บริหารจัดการน้ำท่วม(Polder System) โดยการสูบน้ำจากพื้นที่ออกไปสู่ระบบระบายน้ำหรือแม่น้ำ คูคลองให้เร็วที่สุด
*เดินหน้าแผนปฏิบัติงานล้างท่อ ดูดเลน–ไขมัน ขุดลอกคลอง เปิดทางน้ำไหลสะดวก
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานคร ได้เร่งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำให้มีความพร้อมในการรับมือปัญหาน้ำท่วมจากน้ำฝน น้ำทะเลหนุน และน้ำเหนือไหลหลาก ทั้งระบบระบายน้ำหลักและระบบรองควบคู่กันไป ประกอบด้วย ท่อระบายน้ำ คูคลองระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และบ่อสูบน้ำ ตลอดจนอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่และแก้มลิง แม้ปัจจุบันการพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนเนื่องด้วยต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่กทม.ได้จัดทำแผนประจำปีในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มต้นดำเนินการหลังพ้นฤดูฝนหรือช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี เช่น การดูดเลน คราบไขมัน และล้างท่อระบายน้ำ เพื่อช่วยเร่งการระบายน้ำจากถนนและบ้านเรือนสู่คลองให้เร็วขึ้น การขุดลอกคลอง จัดเก็บขยะและวัชพืชในคูคลองเพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลได้สะดวกรวดเร็วและเพิ่มพื้นที่รับน้ำฝนก่อนที่จะระบายลงแม่น้ำต่อไป รวมถึงการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่จุดเสี่ยงและจำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. ของทุกปี
*สถานีสูบน้ำพระโขนง และอุโมงค์ยักษ์พระราม 9 เร่งระบายน้ำพื้นที่ตะวันออกสู่เจ้าพระยา
สำหรับสถานีสูบน้ำพระโขนง เป็นสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ที่ปลายคลอง พระโขนง มีหน้าที่ในการควบคุมระดับน้ำในคลองประเวศและคลองพระโขนง ซึ่งเป็นคลองสำคัญในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก รวมถึงป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีกำลังการสูบน้ำ 173 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็ว นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้ก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบและคลองลาดพร้าว (อุโมงค์ยักษ์พระราม 9) ซึ่งเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร เพื่อเป็นทางลัดน้ำลอดใต้ดินลึกจากพื้นผิวประมาณ 25 เมตร โดยปากอุโมงค์ตั้งอยู่บริเวณวัดพระราม 9 ลอดใต้คลองแสนแสบ คลองตัน ถนนสุขุมวิท 71 คลองพระโขนง ไปสิ้นสุดที่สถานีสูบน้ำพระโขนง รวมระยะทาง 5.11 กิโลเมตร กำลังการสูบ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เปิดใช้เมื่อปี 2554 เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองแสนแสบและคลองลาดพร้าว ซึ่งเป็นคลองรับน้ำตอนบนและตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ 50 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย พื้นที่เขตห้วยขวาง บางกะปิ บึงกุ่ม ลาดพร้าว วังทองหลาง อีกทั้งลดระยะทางการไหลของน้ำไปออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็วอีกทางหนึ่งและช่วยแบ่งเบาภาระการรับน้ำและระบายน้ำของสถานีสูบน้ำพระโขนงอีกด้วย
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้มีแผนก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำเพิ่มเติมอีก 6 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อจากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเกียกกาย ซี่งคืบหน้าแล้วกว่า 90% โดยจะทดสอบระบบในวันที่ 1 ส.ค.60 และโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำจากบึงหนองบอนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้อยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์เส้นทางการจัดระบบปิดเบี่ยงการจราจรเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนระหว่างที่มีการก่อสร้าง
*ขยะหน้าสถานีสูบน้ำวันละ 20 ตัน อุปสรรคระบบระบายน้ำ เร่งรณรงค์ไม่ทิ้งขยะลงคูคลอง และแหล่งน้ำ
แม้ว่ากรุงเทพมหานครจะเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยการเพิ่มกำลังการสูบน้ำ เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา แต่อุปสรรคและปัญหาที่ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลง คือ ขยะจำนวนมากบริเวณหน้าสถานีสูบน้ำ และอุโมงค์ระบายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขยะชิ้นใหญ่ เช่น ที่นอน โซฟา ยางรถยนต์ ซึ่งในปี 2559 กรุงเทพมหานครจัดเก็บขยะบริเวณหน้าสถานีสูบน้ำได้ประมาณ 6,900 ตัน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 20 ตัน และในปี 2560 ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงปัจจุบัน จัดเก็บขยะหน้าสถานีสูบน้ำเป็นจำนวน 1,300 ตัน
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มอบนโยบายให้ 50 สำนักงานเขต ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เก็บขยะชิ้นใหญ่เป็นประจำทุกสัปดาห์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เพื่ออำนวยความสะดวกในการทิ้ง ลดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะในที่ว่าง คูคลอง และแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม กทม.ยังจะเดินหน้าหน้ารณรงค์และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งปลูกฝังประชาชนให้รู้จักทิ้งขยะให้ถูกที่ ไม่ทิ้งลงแม่น้ำ ลำคลอง หรือท่อระบายน้ำ เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วขึ้น
*ป้องกันพื้นที่ลาซาล–แบริ่ง บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน
ในส่วนของพื้นที่บริเวณซอยลาซาล–แบริ่ง ถนนสุขุมวิท เขตบางนา มีลักษณะพื้นที่ต่ำเป็นแอ่งกะทะ กรุงเทพมหานครได้วางท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.20 เมตร ทั้งสองฝั่ง เพื่อรองรับน้ำฝนและระบายลงสู่คลองบางนาและคลองสำโรง แต่เนื่องจากถนนภายในซอยลาซาล–แบริ่ง มีระดับสูงกว่าถนนสุขุมวิท ทำให้เมื่อฝนตกหนักจะมีน้ำไหลบ่าออกจากซอยดังกล่าวลงมายังถนนสุขุมวิท ส่งผลให้น้ำท่วมขังและกระทบต่อการสัญจรของประชาชน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวชั่วคราว โดย 1.ติดตั้งเครื่องสูบน้ำดีเซลบนถนนสุขุมวิท (ทั้งสองฝั่ง) 2.ติดตั้งเครื่องสูบน้ำดีเซลบริเวณซอยย่อยซอยลาซาล 3.เพิ่มเครื่องสูบน้ำบริเวณบ่อสูบน้ำถนนสุขุมวิท ตอนคลองบางนา (ทั้งสองฝั่ง) 4.ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าทำนบคูน้ำข้างบริษัทแพรนด้าจิวรี่ 5.ติดตั้งเครื่องสูบน้ำดีเซลซอยลาซาล 20, 21, 27, 37 6.ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำบริเวณถนนสุขุมวิท จากซอยสุขุมวิท 107 ถึงคลองบางนา ซึ่งอยู่ระหว่างหาตัวผู้รับจ้าง และ7.เพิ่มประสิทธิภาพกำลังสูบน้ำจากปี 2559 จาก 8.97 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นกำลังสูบรวม 12.49 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในปี 2560
*บูรณาการกทม. หน่วยงานเกี่ยวข้อง จังหวัดปริมณฑล สื่อมวลชนร่วมแก้ปัญหาน้ำท่วม
ในช่วงที่มีฝนตกหนักและสถานการณ์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร ได้ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบระดับน้ำและรายงานพื้นที่น้ำเร่งระบายบนถนนสายต่างๆ ร่วมกับการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) จากนั้นจะแจ้งสถานการณ์น้ำไปยังเครือข่ายวิทยุสื่อสาร และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ พร้อมทั้งเร่งกระจายข้อมูลผ่านโชเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และไลน์ของศูนย์ป้องกันระบบน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และกองประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร แจ้งให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีระดับน้ำสูง
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ได้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ได้แก่ สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ กองทัพบก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเจ้าหน้าที่ร่วมอำนวยความสะดวกและเพิ่มสภาพคล่องด้านการจราจร รวมถึงเตรียมพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนและเร่งระบายน้ำได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งประสานจังหวัดปริมณฑลในการช่วยระบายน้ำบริเวณพื้นที่รอยต่อ พร้อมขอความร่วมมือโรงเรียนอาชีวะ จัดนักศึกษาให้ความช่วยเหลือและซ่อมแซมเครื่องยนต์ของรถที่จอดเสียหรืออุบัติเหตุต่างๆ บนท้องถนน ตลอดจประสานการไฟฟ้านครหลวงในการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าขัดข้องเพื่อให้เครื่องสูบน้ำสามารถทำงานได้ปกติ