สถานรับเลี้ยงเด็กกำลังเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในยุค 4.0 แต่กลับเกิดเหตุเศร้าเมื่อ “น้องต้นกล้า” วัยแค่ 8 เดือนต้องจบชีวิตลง ท่ามกลางความกังขาเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วันนี้ ผู้เป็นแม่ต้องร้องผ่านไบรท์ทีวีอีกรอบ เพื่อทวงถามหาความรับผิดชอบของสถานรับเลี้ยงเด็ก หลังไม่มีการเยียวยา จนล่าสุดต้องตัดสินใจพึ่งกระบวนการยุติธรรม เตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย พร้อม ๆ กับการไปดูมาตรฐานเนอรสเซอรี่ปัจจุบันที่ควรเป็น ติดตามได้จากรายงานของ คุณทิพาธี อินทวงศ์พันธ์ ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
สถานรับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ ถือเป็นสถานที่ที่ผู้ปกครองไว้ใจส่งบุตรหลานไปให้อยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยง ทำหน้าที่เสมือนพ่อแม่สำรอง ในยามที่พ่อแม่ตัวจริงต้องต่อสู้เพื่อทำมาหากิน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ในสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งย่านทุ่งมหาเมฆ เมื่อเด็กน้อยวัย 8 เดือนเสียชีวิตลงด้วยสาเหตุขาดอากาศหายใจ ก้านสมองตาย ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยง ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของแม่ ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับพี่เลี้ยง กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและอยู่ระหว่างฝากขัง ก่อนเร่งส่งสำนวนฟ้องศาลต่อไป แต่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เวลาล่วงเลยกว่า 2 เดือน ยังไร้วี่แววความรับผิดชอบจากเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่จะออกมาช่วยเหลือหรือรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม่บอกว่า จะไม่ยอมเผาศพลูกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ล่าสุด กำลังปรึกษาทนายเพื่อฟ้องร้องคดีทางแพ่งต่อสถานรับเลี้ยงเด็ก ขอชดเชยและเยียวยา
วันนี้ ทางทีมข่าวจึงลงพื้นที่เพื่อสำรวจและดูมาตรฐานเนอสเซอรี่ เพื่อรองรับกับครอบครัวยุค 4.0 เพื่อเป็นแนวทางให้คุณแม่และคุณพ่อยุคใหม่ ใช้เป็นแนวทางก่อนตัดสินใจ โดยมาตรฐานเนอสเซอรี่เบื้องต้น คือ หากรับเลี้ยงเด็กที่มีมากกว่า 5 คน จะต้องขอใบอนุญาตเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กต่อกระทรวงพัฒนาสังคมฯและความมั่นคงของมนุษย์ , ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง จะต้องผ่านการอบรมผู้ช่วยพยาบาลสำหรับเด็กเล็ก และที่สำคัญ ควรมีกล้องวงจรปิด เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือสิ่งอื่นใด จิตใจที่รักและเอ็นดูเด็ก เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด กับสถานที่ที่เรียกว่า สถานรับเลี้ยงเด็ก และตัวพี่เลี้ยง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายดังเช่น “น้องต้นกล้า” ขึ้นอีก