นางสาว ทิพย์วรรณ จันทร์เกตุ หรือ ลูกตาลชโลมจิต อดีตนางแบบสุดเซ็กซี่ พร้อมด้วย ทนายความ เข้ายื่นฟ้อง นางสาวฐิตาภัสร์ อัครศักดาภิรมณ์ เจ้าของร้าน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตามพระราชบัญญัติการทวงหนี้ จากกรณีเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ปรากฎคลิปสนั่นโซเชียล “ลูกตาลชโลมจิต ” ถูก เจ้าของร้านเพชร บุกทวงเงิน 1.4 ล้าน ถึงฟิตเนสย่านอาร์ซีเอ ก่อนที่ลูกตาลจะขึ้นรถหรูขับออกไป โดยเจ้าของร้านเพชร เปิดใจว่าอีกฝ่ายยืมเงิน 1.4 ล้าน ต้องคืนเงินในเดือน ธันวาคม 2561 ซึ่งทำสัญญากันไว้แล้ว ทำให้โจทก์รู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียง
นางสาวชโลมจิต หรือ ลูกตาล เปิดเผยว่า ที่มาฟ้องศาลวันนี้ไม่มีความกังวลใดๆ แต่รู้สึกโล่งอกมากกว่า ที่จะได้ต่อสู้ในสิ่งที่เราคิดว่าเราถูก เพราะเราพูดความจริง และต้องการปกป้องศักดิ์ศรีที่อีกฝ่ายทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง เราอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้โกง เราต้องการใช้หนี้ แต่เมื่อปรากฏเป็นคลิปก็ทำให้รู้สึกแย่มาก เพราะความจริงแล้วการเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ อย่างที่ตัวเองทำมาก็พยายามใช้คืนตลอดทั้งปี แต่การทวงหนี้ก็น่าจะพูดคุยกันได้ ไม่น่าจะทำให้เสื่อมเสีย ส่วนเรื่องความมั่นใจของลูกค้าไม่เหมือนเดิม ความเสียหายต่อเดือนก็หลายล้านบาท ลูกค้ามักจะมาถามจากพนักงานว่ายิมยังเปิดบริการอยู่ไหม ยังเปิดอยู่หรือเปล่า ก็บอกว่ายังเปิดตามปกติ อยากสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจยิมเลย แต่เป็นเรื่องธุรกิจอื่นมากกว่า
ส่วนคู่กรณีจะฟ้องเราเรื่องที่กู้ยืมเงิน จำนวน 1.4 ล้านบาท นางสาวชโลมจิต หรือลูกตาล ระบุว่า ไม่กังวลเลย เพราะว่าก่อนที่จะมาหาที่ยิมนั้น ก็เคยบอกแล้วว่าให้ไปดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลก็ได้ ถ้าไม่มั่นใจว่าเราจะใช้หนี้คืน แต่เขาก็ไม่ฟ้อง ซึ่งถ้าหากโดนฟ้องก็พร้อมมาตั้งนานแล้ว และน่าจะดีกว่าเกิดเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นคลิปหน้ายิมด้วยซ้ำ ทั้งนี้ศาลได้รับคำฟ้องไว้ นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 25 พฤษภาคม2563
ด้านทนายเดชา ทองสุข ระบุว่า สืบเนื่องจากคลิปที่ปรากฎนั้น มีพฤติกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายทวงหนี้ พ.ศ.2558 และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จึงจำเป็นต้องมาฟ้อง ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสมาเจรจาพูดคุยกัน ความจริงจะได้ปรากฏว่า ขณะนี้กำลังหารือกันว่าจะฟ้องมากกว่า 1 คดี อาจจะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากศาลแพ่งด้วย ซึ่งคุณลูกตาล อยากจะเรียกค่าเสียหาย ประมาณ 10 ล้านบาท แต่จะต้องพิจารณาความเหมาะสมก่อน ขณะที่ธุรกิจฟิตเนสภายหลังเกิดคลิปดังกล่าว ทำให้คนมาสมัครลดน้อยลง เนื่องจากกังวลว่าจะปิดหรือไม่ปิดบริการ เบื้องต้นก็เกิดความเสียหาย ส่วนเรื่องเงินกู้ ต้องแยกกัน ก็ให้คู่กรณีฟ้องมา เพราะเรามีหลักทรัพย์ประกัน คืนมอเตอร์ไซด์ และชำระหนี้คืนบางส่วนแล้ว 845,000 บาท ซึ่งหนี้ควรเหลืออีกเท่าไหร่