รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่ อ่าวบ้านดอน เพื่อสำรวจและติดตามการรื้อขนำกลางคอกหอย หลังมีประกาศให้สั่งรื้อถอนภายใน 60 วัน
จากสถานการณ์การบุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณ อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานีและมีการยึดครอบครองพื้นที่ทะเล ตลอดจนมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง อาคาร (ขนำเฝ้าหอยและโฮมสเตย์) หรือติดตั้งสิ่งใดๆ ลงในที่จับสัตว์น้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นลักษณะกีดขวางทางเดินเรือ หรือกีดกันผู้อื่นไม่ให้เข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้พื้นที่ที่ประชาชนมีสิทธิใช้ร่วมกันได้ เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตามมาตรา 103 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้สร้างหรือติดตั้ง รื้อถอนสิ่งนั้นออกจากที่จับสัตว์น้ำภายในระยะเวลาที่กำหนด หากผู้รับคำสั่งไม่ปฏิบัติตามภายในเวลาที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการรื้อถอนหรือทำลายเสียได้ โดยให้ผู้รับคำสั่งหรือเจ้าของเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั้น ส่วนในกรณีไม่ปรากฏตัวผู้สร้างหรือผู้ติดตั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจรื้อถอนได้ทันที จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่อ่าวบ้านดอนซึ่งเป็นที่เลี้ยงหอยแครงในพื้นที่อนุรักษ์จากชายฝั่ง 1 พันเมตร เพื่อเข้าสำรวจและติดตามการรื้อขนำกลางคอกหอยในพื้นที่ตำบลบางชนะซึ่งเป็นของผู้นำท้องถิ่น ซึ่งหลังแรกที่ภายหลังจากที่ทางจังหวัดได้ประกาศให้ผู้ประกอบการเลี้ยงหอยให้รื้อถอนภายใน 60 วัน และมีแนวโน้มที่จะทำการรื้อถอนอีก18 หลังในตำบลเดียวกัน อย่างไรก็ตามหลังที่ได้มีการประกาศได้มีการรื้อถอนหลังแรกไปแล้วในเขตอำเภอกาญจนดิษฐ์ ซึ่งเป็นเฟส 2 ที่จะมีการรื้อถอน และเป็นพื้นที่ๆมีการสร้างขนำมากที่สุดใน 5อำเภอ
นอกจากนี้ทางจังหวัดยังให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจการณ์ทางทะเลในพื้นที่ ต.คลองฉนาก และ ต.บางชนะ อ.เมือง เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ในการรื้อขนำเฝ้าคอกหอยของผู้ประกอบการและพบว่าบริเวณพื้นที่ ต.คลองฉนาก มีชาวประมงพื้นบ้านออกมาตักหอยประมาณ 100 ลำอีกด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เริ่มรื้อแล้ว! “คอกหอยอ่าวบ้านดอน” หลังจังหวัดออกประกาศให้รื้อภายใน 60 วัน https://www.brighttv.co.th/hot-clip/bandon-suratthani-2