ติดชิปหน้ารถ เพื่อติดตาม
ประเทศจีนเตรียมให้รถยนต์ติด RFID ปีหน้า
ติดชิปหน้ารถ โครงการในประเทศจีน ที่เตรียมสั่งให้รถยนต์มีการติดชิปที่กระจกหน้าเพื่อติดตามข้อมูลรถยนต์ทุกคัน ทั้งนี้หวังแก้ไขปัญหาการจราจรเป็นสำคัญ จากที่ผ่านมาในประเทศจีนประสบปัญหาอุบัติเหตุสูงติดอันดับของโลก จึงหวังลดปัญหาการจราจรด้วยการนำเทคโนโลยีติดตามรถยนต์เข้ามาแก้ไข
ติดชิปหน้ารถ เป็นโครงการใหม่ในประเทศจีนที่เตรียมมาตรการให้รถยนต์ภายในประเทศจีนติดตั้งชิป RFID (Radio-Frequency Identification) เอาไว้ที่กระจกหน้ารถยนต์ เพื่อเก็บข้อมูลการจราจรของรถยนต์แต่ละคัน แล้วนำมาแก้ไขปัญหาการจราจรที่เป็นปัญหาอยู่มากพอสมควรของประเทศจีน โดยเรื่องราวของมาตรการติดชิปหน้ารถยนต์ภายในประเทศจีน รายงานจากหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ว่าในปีหน้าจะให้รถยนต์ติดตั้งชิปไว้หน้ารถบนกระจก เพื่อให้รัฐบาลเก็บข้อมูลจากรถยนต์และนำไปใช้ในการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการจราจร ปัญหาด้านมลพิษ และความมั่นคงสาธารณะ
หลักการทำงานของชิป RFID ที่ติดอยู่บนหน้ารถ คือ ชิป RFID หน้ารถ >> ขับผ่านตัวอ่าน RFID บนถนน >> ส่งข้อมูลป้ายทะเบียน + ตัวสีถังรถ >> ไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมาตรการการให้รถยนต์ในประเทศจีนติดชิปหน้ารถ ทางภาครัฐจะให้รถยนต์ติดตั้ง RFID ไว้ที่กระจกหน้ารถโดยความสมัครใจก่อนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2018 เป็นต้นไป และการติดชิปหน้ารถครั้งนี้ ตัวชิปจะบันทึกข้อมูลรถยนต์แต่ละคัน ในส่วนของแผ่นป้ายทะเบียนรถและตัวสีถังรถ พร้อมกันนั้นบนถนนสายต่างๆ จะมีการติดตั้งตัวอ่าน RFID เอาไว้ด้วย เพื่อตรวจจับชิปที่อยู่บนหน้ากระจกรถยนต์แต่ละคัน แล้วทำการส่งข้อมูลไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะต่อไป
ทางด้านที่มาและความสำคัญของการให้รถยนต์ในประเทศจีน ติดชิปหน้ารถในครั้งนี้ มาจากการจราจรที่คับคั่งในประเทศจีน ซึ่งติดอับดับโลก อันเนื่องมาจากปริมาณรถยนต์ในประเทศจีนที่สัญจรไปมาอย่างหนาแน่น นับแค่เฉพาะในกรุงปักกิ่งก็มีปริมาณรถยนต์มากถึง 5 ล้านคัน ไม่เพียงแต่ปริมาณรถยนต์เท่านั้นที่เป็นปัญหา เพราะที่ผ่านมาจีนก็ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ขับรถอันตรายที่สุดในโลก ทั้งยังเคยมีข้อมูลสถิติจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) พบว่ามีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนมากกว่า 260,000 ราย โดยข้อมูลดังกล่าวบันทึกไว้ในปี 2013
นอกจากโครงการดังกล่าวจะทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเป็นสำคัญแล้ว ยังมีจุดประสงค์อื่นนั่นคือการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมภายในประเทศมีการผลิตชิปขึ้นเอง เนื่องจากที่ผ่านมาถึงแม้ว่าประเทศจีนจะเป็นประเทศที่ถือเป็นโรงงานใหญ่ของโลก แต่เรื่องของชิป RFID ที่ใช้งานภายในประเทศจำนวนมาก ยังคงเป็นการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยอัตราการนำเข้าชิปที่ใช้งานภายในประเทศนั้นสูงถึง 90% และถึงแม้บางส่วนจะเป็นการผลิตภายในประเทศ ก็เป็นการผลิตโดยบริษัทต่างชาติ โดยมีรายงานระบุว่าจีนเตรียมทุ่มงบกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.2 แสนล้านบาท ในการพัฒนาและวิจัย (R&D) ชิปขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญ
ในแง่ของการนำชิปคอมพิวเตอร์มาติดบนรถยนต์ เคยมีมาก่อนหน้านี้ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นการทดลองติดชิปไว้ที่แผ่นป้ายทะเบียน ภายใต้จุดประสงค์ของการอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับการต่อทะเบียนรถได้โดยอัตโนมัติแก่ผู้ขับขี่ รวมถึงการติดตามรถยนต์ที่ถูกขโมย ช่วยให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น
คาดว่าผลลัพธ์ที่ได้จากมาตรการให้รถยนต์ติดชิปไว้หน้ารถ ซึ่งเป็นชิป RFID จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสมในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการจราจร ปัญหามลพิษ รวมถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ในเรื่องของการผลิตชิป RFID