กรมการค้าภายใน หารือผู้ผลิต-ผู้จำหน่าย-ห้าง-ร้านสะดวกซื้อ จัดงาน “ลดหนัก จัดเต็ม” ขนสินค้าอุปโภคบริโภคขายลดราคา 30-70% เริ่ม 13 ธ.ค.2561-9 ม.ค.2562
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ประชุมร่วมกับผู้แทนสมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย สมาคมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เช่น บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) โอสถสภา และยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง เป็นต้น รวมทั้งห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ต รวม 43 ราย
นายวิชัย กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าพร้อมกันทั่วประเทศปีที่ 5 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน โดยปีนี้จะจัดงานภายใต้ชื่อ “ลดหนัก จัดเต็ม New Year Grand Sale” ซึ่งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และห้างในท้องถิ่น รวมถึงร้านธงฟ้าประชารัฐ จะนำสินค้าอุปโภคบริโภคมาลดราคาจำหน่ายตั้งแต่ 30-70% เป็นเวลารวม 28 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.2561-9 ม.ค.2562
ทั้งนี้ คาดว่าการจัดงานดังกล่าวจะทำให้เกิดเงินสะพัดไม่ต่ำ 4 หมื่นล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีเงินสะพัด 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนด้วย
สำหรับสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะครอบคลุมสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องนอน เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง สินค้าโอทอป สินค้าชุมชน สินค้าเอสเอ็มอี และสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ซึ่งเอกชนที่จะเข้าร่วมมหกรรมดังกล่าว จะส่งรายการสินค้าที่จะร่วมรายงานมาให้กรมฯในวันที่ 25 พ.ย.นี้
นอกจากนี้ ประชุมเห็นว่าตรงกันว่าควรนำสินค้ากลุ่มของฝากที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาร่วมจัดรายการ และนำไปจำหน่ายในห้างฯที่นักท่องเที่ยวนิยมไปจับจ่าย รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆด้วย
“กรมฯ จะขอความร่วมมือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานดังกล่าวในประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะจีน และประเทศในเอเชีย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ถึงการจัดงานและชักชวนให้เข้ามาช็อปปิ้งในไทย ซึ่งจะช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มาก”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวถึงสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรมฯยังไม่มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาสินค้าชนิดใดๆ เนื่องจากราคาน้ำมันและต้นทุนการผลิตภาพรวมไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น