ราคาน้ำมันดิบ WTI ลบ 2.3% ปิดที่ 52.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลัง “ไอเอ็มเอฟ” ลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้า คาดสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มเป็น 8.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนก.พ.นี้
เมื่อคืนวันจันทร์ (22 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 52.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.23 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.3% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 61.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.20 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2%
สัญญาน้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมกับเตือนว่ายังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ
ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัว 3.5% และปีหน้าขยายตัว 3.6% ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนที่ IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลก
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า GDP ในไตรมาส 4/2561 ขยายตัวเพียง 6.4% ส่วน GDP ตลอดปี 2561 ขยายตัว 6.6% จากระดับของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี อันเนื่องมาจากผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวสู่ระดับ 6.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 29 ปี และต่ำกว่าระดับ 6.6% ในปี 2561 โดยได้รับปัจจัยกดดันจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ขณะที่การส่งออกได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลัง IMF รายงานผลการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกจะเติบโตที่ 3.5% ในปี 2562 และขยายตัว 3.6% ในปี 2563 ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.2% และ 0.1% ตามลำดับ ส่งผลให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่จะชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศจีนที่อ่อนลง เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันดิบ โดย GDP ของจีนในปี 2561 ขยายตัวที่ 6.6% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี เนื่องมาจากผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
นอกจากนี้ มีรายงานว่าตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือนพ.ย.2561 อยู่ที่ระดับ 8.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียสูงขึ้นสู่ระดับ 11.1 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งชั้นหินดินดาน (shale basin) ของสหรัฐ ในเดือนก.พ. 2562 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 63,000 บาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ระดับ 8.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งแหล่งน้ำมันดิบ Permian ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตน้ำมันได้เพิ่มขึ้นสูงที่สุด โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23,000 บาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ 3.9 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.พ.2562
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล