ตํานาน “นกหัสดีลิงค์” จะมีส่วนหัวเป็นช้าง ตัวเป็นนกขนาดใหญ่ มีกำลังมหาศาล มาจากตำนานโบราณของนครตักกะศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานคร เมื่อพระมหากษัตริย์แห่งนครนั้นถึงแก่สวรรคต ต้องอัญเชิญพระศพออกไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวง มีนกหัสดีลิงค์ซึ่งกิน เนื้อสัตว์เป็นอาหารบินมาจากป่าหิมพานต์ จึงบินโฉบลงมาเอาพระศพไป เมื่อพระมหาเทวีเห็นเช่นนั้นก็ประกาศให้คนดี เข้าต่อสู้เพื่อเอาพระศพคืนมา นางสีดาจึงเข้ารับอาสาต่อสู้นกหัสดีลิงค์ โดยใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์ถึงแก่ความตาย ตกลงมาพร้อมพระศพ พระมหาเทวีจึงโปรดสั่งให้ช่างทำเมรุ คือหอแก้วบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน หลังจากนั้นมาจึงได้ถือเอาประเพณีทำนกหัสดีลิงค์ประกอบเมรุของชั้นเจ้านาย ตามความเชื่อที่ว่า นกหัสดีลิงค์ สามารถนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ได้
รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ให้ข้อมูลว่า สำหรับ “นางสีดา” ผู้ฆ่านกหัสดีลิงค์ตามตำนานดังกล่าว ไม่ใช่พระมเหสีของพระราม ในรามเกียรติ แต่เป็นนางสีดา ตามตำนานที่เชื่อว่ามีอยู่จริง เพราะจากการสืบทราบจากงานวิจัยในอีสานนั้น พบว่านางสีดา ถูกสร้างขึ้น สอดคล้องตามตำนาน เป็นนางสีดาสืบเชื้อสายจากเมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวอีสาน ในงาน พิธีของหลวงพ่อคูณ จะใช้นางสีดา ซึ่งสืบสายเชื่อจากเมืองอุบลราชธานี ซึ่งจากการวิจัยที่มีหลักฐาน พบว่า การฆ่านกหัสดีลิงค์เป็น แม่สุกัน ปราบวัย และ แม่มณีจันทร์ ผ่องศรี อายุกว่า 90 ปี นั้นได้เสียชีวิตแล้ว จึงถือ เป็นผู้สืบเชื้อสายนางสีดาที่ฆ่ายกหัสดีลิงค์มากที่สุด
รศ.ดร.นิยม กล่าวต่ออีกว่า เมื่อ แม่มณีจันทร์ เสียชีวิต ก็มีแม่สมวาสนา ซึ่งเป็นลูกสาว ได้สืบเชื้อสาย ต่อเนื่องมา ซึ่งถ้านับถึงยุคปัจจุบัน คือมีการสืบเชื้อสายมาทั้งหมด 6 คน โดยคนล่าสุดและยังคงมีชีวิตอยู่นาง เมทินี หวานอารมณ์ หรือเมย์ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายใน ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 3 ซึ่งเป็นเหลนของ แม่มณีจันทร์ คนที่ 6 และ นางเมทินี ก็เคยผ่านการฆ่านกหัสดีลิงค์มาแล้วเช่นกัน โดยในงานพิธีพระราชทานเพลิศพครูใหญ่หลวงพ่อ คูณ ในครั้งนี้ท่านได้ตอบรับการมาร่วมในพิธีของหลวงพ่อคูณ ที่จังหวัดขอนแก่นแล้ว