“กรมบัญชีกลาง” เตรียมโอนเงินค่าป่วยการเดือนละ 1,000 บาท ให้ อสม. ทั่วประเทศกว่า 1.05 ล้านคน 22 มี.ค.นี้ พร้อมจ่ายเงินส่วนเพิ่มตกเบิกย้อนหลัง 3 เดือน
น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้หารือกับสำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อกำหนดแนวทางการจ่ายเงินค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดือนละ 1,000 บาท และได้ข้อสรุปว่า เมื่อสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินให้กับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแล้ว กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะต้องส่งข้อมูลพร้อมแจ้งรายการขอเบิกเงินให้กับกรมบัญชีกลาง ภายในวันที่ 18 มี.ค.2562 จากนั้นกรมบัญชีกลางจึงดำเนินการเบิกจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของอาสาสมัคร (อสม.) แต่ละราย ภายในวันที่ 22 มี.ค.2562
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จากเดิมที่ได้รับเดือนละ 600 บาท/คน ปรับเป็นเดือนละ 1,000 บาท/คน โดยจะจ่ายจากเงินงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยมีอสม.ที่ได้รับเงินเพิ่มดังกล่าวมีจำนวน 1,054,729 คน แบ่งเป็น อสม.ต่างจังหวัด 1,039,729 คน และ อสม.ใน กทม. ประมาณ 15,000คน
“การจ่ายเงินค่าป่วยการฯดังกล่าว จะจ่ายเงินเพิ่มย้อนหลังให้ตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 ซึ่งกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการตามแนวทางข้างต้นอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ อสม. ต่อไป”น.ส.สุทธิรัตน์กล่าว
น.ส.สุทธิรัตน์ ยังกล่าวถึงการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชำระค่าโดยสารรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. เป็นต้นไป ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเขต กทม. นนทบุรี อยุธยา ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ทั้งแบบบัตรแมงมุม (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเวอร์ชั่น 2.0 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนกับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เวอร์ชั่น 2.5) และบัตร Contactless (บัตร EMV เวอร์ชั่น 4.0) สามารถใช้ชำระค่าโดยสารรถเมล์ของ ขสมก. ทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 3,000 คัน
สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับบัตรแมงมุม และบัตร Contactless จะได้รับวงเงินค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า จำนวนเงิน 500 บาท/คน/เดือน ซึ่งเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่ผู้มีสิทธิ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีสิทธิได้อย่างยั่งยืน