สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 0.2% ปิดที่ 59.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลัง “ทรัมป์” ทวีตข้อความกดดันกลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังผลิต
เมื่อคืนวันพฤหัส (28 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 59.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.11 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.2% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 67.82 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.01 เหรียญสหรัฐ
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ว่า “เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการที่โอเปกจะต้องเพิ่มการผลิตน้ำมัน เพราะตลาดโลกมีความเปราะบาง และราคาน้ำมันกำลังสูงเกินไป ขอบคุณ”
ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้ออกมาตรคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาและอิหร่าน ส่งผลให้การส่งออกน้ำมันของประเทศเหล่านี้ลดลง และเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในปีนี้ ในขณะที่กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร เริ่มลดกำลังการผลิตน้ำมันให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน มาตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงถูกกดดัน จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ฉบับล่าสุด ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยาวนานกว่า 8 เดือน และยังไม่ได้ข้อยุติ โดยล่าสุดทางการจีนให้คำมั่นว่าจะเปิดตลาดการเงินให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจเอเชีย สหรัฐและยุโรป เป็นปัจจัยที่จำกัดการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนวานนี้ (28 มี.ค.) ปรับตัวลดลง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความระบุ ให้กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับที่สูงเกินไป หลังผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่ช่วงต้นปี
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันดิบโลก จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียเผยว่า รัสเซียสามารถร่วมมือกับกลุ่มโอเปกในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงจนถึงเดือน ก.ย.2562 แต่ไม่ยืนยันที่จะยืดเวลาในการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงจนถึงปลายปี 2562 เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากภายในประเทศให้หยุดลดกำลังการผลิต
ขณะเดียวกัน สหรัฐออกคำสั่งให้กลุ่มโรงกลั่นทั่วโลกลดการซื้อขายน้ำมันกับเวเนซุเอลา มิเช่นนั้นจะถูกสหรัฐคว่ำ บาตร ประกอบกับเหตุการณ์ไฟดับครั้งใหญ่ในเวเนซุเอลา ส่งผลให้อุตสาหรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาเผชิญกับความยากลำบาก