สัญญาน้ำมันดิบ WTI บวก 1.1% ปิดที่ 66.30 เหรียญสหรัฐ หลังสหรัฐประกาศยกเลิกการผ่อนผัน 8 ชาตินำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
เมื่อคืนวันอังคาร (23 เม.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 66.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.75 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.1% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 74.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.47 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.6%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้น 1.1% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบปีนี้อีกครั้ง และเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2561 หลังคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มมาตรการใหม่ที่เข้มงวด เพื่อผลักดันให้การส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านกลายเป็นศูนย์
โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า เพื่อทำให้การส่งออกน้ำมันจากอิหร่านเหลือศูนย์ สหรัฐจะยกเลิกการผ่อนผันให้แก่ 8 ประเทศ ในการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านตั้งแต่หลังวันที่ 2 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป พร้อมทั้งระบุว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันมิตร ตกลงที่จะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน เพิ่มทดแทนน้ำมันดิบจากอิหร่านที่หายไปจากตลาดแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากยูบีเอส ประเมินว่า ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตร จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างระมัดระวัง เพราะจากประสบการณ์ในปีที่แล้ว จะพบว่าหลังจากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ยังมีน้ำมันออกมาไหลท่วมตลาดจนส่งผลให้ราคาน้ำมันตกต่ำ
ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในรายงานเมื่อวานนี้ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกมีอยู่เพียงพอในขณะนี้ แต่ IEA จะติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดน้ำมันอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะใช้มาตรการหากจำเป็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะเพียงพอรองรับความต้องการ
IEA ยังระบุว่า ในช่วงเวลาที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีความเปราะบางมากขึ้นนั้น กลุ่มผู้บริโภคและผู้ผลิตน้ำมันควรดำเนินมาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งกระทบต่อทุกฝ่าย
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24 เม.ย. ว่า เมื่อวานนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความกังวลเรื่องอุปทานตึงตัวกว่าคาด หลังสหรัฐประกาศไม่ขยายเวลาการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำดิบจากอิหร่านให้แก่ 8 ประเทศ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 พ.ค.2562 แม้ว่าโอเปกจะมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน พ.ค.2562 เพื่อชดเชยส่วนต่าง หากยังคงมีความต้องการใช้น้ำมันดิบอยู่
ในขณะที่ จีนออกมาต่อว่าถึงการตัดสินใจยกเลิกการผ่อนปรนของสหรัฐ ที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบผันผวนและส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งนี้ จีนจะเจรจากับสหรัฐ เพื่อให้สหรัฐตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากจีนพึ่งพาน้ำมันดิบอิหร่านคิดเป็นร้อยละ 6 ของการนำเข้าน้ำดิบ และโรงกลั่นในจีนจำนวนไม่น้อยถูกออกแบบมาเพื่อใช้น้ำมันดิบจากอิหร่าน
ทั้งนี้ หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่ม 6.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 459.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึงสามเท่า ขณะที่การนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นราว 793,000 บาร์เรล/วัน