ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก “หมอโด่ง” อดีตเลขานุการ “บุญทรง-ภูมิ” คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี เป็นเวลา 50 ปี พร้อมจำคุก “สุธี” คนสนิท “เสี่ยเปี๋ยง” ฐานเป็นผู้สนับสนุน 32 ปี ร่วมรับใช้ค่าเสียหาย 1.6 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.25/2558 ,อม. 1/2559 คดีหมายเลขแดงที่ อม.178/2560 ,อม.179/2560 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ กับ นายภูมิ สาระผล จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 28 คน โดยมีพ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือ “หมอโด่ง” จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด “เสี่ยเปี๋ยง” นายอภิชาต จันทร์สกุลพร ในข้อหากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฯลฯ (คดีจีทูจี)
โดยคดีนี้จำเลยที่ 3 และที่ 16 หลบหนี ศาลได้ออกหมายจับและจำหน่ายคดีชั่วคราวต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ยกคดีจำเลยที่ 3 และที่ 16 ขึ้นพิจารณาตามที่โจทก์ร้องขอตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 วรรคสอง ซึ่งพิจารณาคดีโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยที่ 3 และที่ 16 ระหว่างพิจารณา กรมการค้าต่างประเทศ ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ยื่นคำร้องขอให้จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ย
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนและรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 3 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ในสมัยนายภูมิ สาระผล จำเลยที่ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จำเลยที่ 2 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการ จำเลยที่ ๓ ยังได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
มีพฤติการณ์ว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันวางแผนโดยการแอบอ้างนำบริษัทกว่างตงฯ และบริษัทห่ายหนานฯ เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐตามสัญญาซื้อขายข้าวโครงการจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีจำเลยที่ 16 กับพวกสนับสนุนด้วยการนำบริษัทค้าข้าวภายในประเทศมาทำสัญญาซื้อข้าวโครงการจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยมิได้มีการส่งข้าวออกไปยังต่างประเทศตามโครงการจีทูจี ซึ่งก่อให้ความเสียหายแก่ประเทศ ถือว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกทุจริตในการระบายข้าวโครงการจีทูจี ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้ร่วมกระทำความผิดไปแล้ว ส่วนจำเลยที่ 16 ได้ร่วมสนับสนุนจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำความผิดดังกล่าว
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 3 กระทงละ 18 ปี รวม 4 กระทง แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) จำคุกจำเลยที่ 16 กระทงละ 8 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 36 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชำระค่าเสียหายในส่วนแพ่งแก่กระทรวงการคลัง (ผู้ร้องที่ ๕) จำนวน 16,921 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำสัญญา
อนึ่ง ในวันนี้ศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหมายจับจำเลยที่ 3 และที่ 16 มาเพื่อบังคับตามคำพิพากษาแล้ว