บ่อยครั้งที่มีเหตุฉุกเฉินทางการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ฝนตก น้ำท่วม รถติดหนัก ผู้ที่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถ Taxi แบบปกติ ก็คงเจอปัญหาคลาสสิค ไม่ไป ไกล กลัวส่งรถไม่ทัน หรือจะหันมาพึ่งพาการเรียกรถผ่าน application อย่างเช่น Grab หรือ Uber ก็อาจจะต้องปวดหัวไปตามๆกัน เพราะต้องเจอปัญหา ไม่มีรถที่จะมารับ หรือ เรื่องค่าบริการในช่วงเวลานี้ จะสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว เพราะเหตุใดราคาจึงสูงขึ้นขนาดนั้น แล้วผู้บริโภคสามารถจะมีทางเลือกอื่นๆอีกไหม
หากไปดูเงื่อนไขการให้บริการของ Uber แล้ว จะมีข้อกำหนดชัดเจน ในเรื่องของค่าบริการ ที่สามารถจะปรับให้สูงขึ้นได้ ในบางช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง แต่ทั้งนี้ ผู้ให้บริการจะมีการแจ้งอัตราค่าบริการให้ผู้ใช้ได้ทราบก่อน ที่จะตกลงเรียกใช้บริการ

และสำหรับเงื่อนไขเรื่องค่าบริการของทาง Grab Taxi อาจจะไม่ได้ระบุชัดเจนแบบ Uber แต่ก็มีการกำหนดไว้กว้างๆ ในส่วนนโยบายต่างๆในการให้บริการ ว่าทางผู้ให้บริการนั้น สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และความเหมาะสม
ซึ่งจากการตรวจสอบการใช้งานเบื้องต้นจากทั้งสอง Application แล้ว จะมีการคำนวนค่าบริการ ให้ผู้ใช้ทราบก่อนทุกครั้งที่จะกดตกลงใช้บริการ ทั้งนี้หากรู้สึกว่าค่าบริการนั้นแพงไป ผู้ใช้อาจจะลองย้อนไปดูประเภทของรถที่เลือก เพราะรถบางประเภท จะมีค่าบริการที่สูงกว่าปกติอยู่แล้ว
และในกรณีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องการจราจรหนาแน่น หรือเกิดเหตุเฉพาะกิจ เช่น ฝนตก น้ำท่วม รถติดหนัก ทำไมค่าบริการจึงมากกว่าปกติหลายเท่า
ซึ่งกรณีนี้ เป็นไปตามหลักของ Demand และ Supply ที่ในพื้นที่นั้นๆ อาจจะมีรถผู้ให้บริการจำนวนจำกัด และการเดินทางนั้นใช้เวลามากกว่าปกติ จึงทำให้อัตราค่าโดยสารนั้นพุ่งสูงขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ใช้ ว่าจะสามารถยอมรับค่าบริการที่ระบบคำนวนมาให้ได้หรือไม่
อย่างเช่นกรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์บัญชี @Mercedesbeersod ได้ทวิตเอาไว้ หลังจากที่ต้องใช้บริการ Grab Car ในเช้าวันที่ฝนตกและรถติดสาหัส ซึ่งค่าบริการเพิ่มขึ้นมากกว่าในช่วงเวลาปกติหลายเท่า
เช้านี้จะเรียกแกร๊ปไปทำงานแถวสวนสยาม ปกตินั่งประมาณ 120 และวันนี้ฝนตกรถติด ขึ้นเป็น 1,300 พอกับค่าเครื่องบิน #กรุงเทพชีวิีตที่ลงตัว #รถติด pic.twitter.com/1cKF5v0z66
— พ่อน้องปัฐพ์ (@mercedesbeersod) January 10, 2018
แล้วแบบนี้ ผู้บริโภค จะมีทางเลือกอื่นๆหรือไม่ ในยามฉุกเฉินแบบนี้
หากเป็นกรณีที่ต้องใช้บริการรถแท็กซี่ในจุดที่คาดว่าจะมีคนใช้บริการเยอะพร้อมๆกัน เช่น งานรับปริญญา หลังจบงานอีเว้นท์ใหญ่ๆที่จะมีคนออกมาพร้อมๆกันในคราวเดียว สามารถที่จะวางแผนการเดินทางกลับได้ล่วงหน้า ด้วยการจองผ่านทางแอพพลิเคชั่น โดยกำหนดเวลา และสถานที่ เพื่อให้รถมารับได้ ซึ่งก็จะตัดปัญหาเรื่องจำนวนผู้ใช้บริการนั้นมีมากกว่ารถที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และในบางครั้งค่าโดยสารก็จะไม่แพงมากด้วย
หากเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นน้ำท่วม รถติด ที่ไม่สามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้ อาจจะพิจารณาทางเลือกการเดินทางอื่นๆ เช่นหากอยู่ในเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่าน ก็อาจจะไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อออกจากจุดที่แออัด และไปเรียกบริการแท็กซี่ทั้งแบบปกติ และ ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ในพื้นที่ๆสะดวกมากยิ่งขึ้น