แต่ละพื้นที่ต่างมีวัฒนธรมประเพณีและความเชื่อที่แตกต่างกัน หลายคนคงได้เห็นน้องๆ ทีมหมูป่าทั้ง 13 คนเข้า “พิธีสืบชะตา” หลังออกมาจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัย
พิธีสืบชะตาเป็นประเพณีสำคัญของชาวล้านนา ซึ่งเป็นประเพณีที่เชื่อกันกันว่าเป็นการต่ออายุหรือทำให้ชีวิตยืนยาว ผู้ที่เข้าพิธีสืบชะตา ชีวิตจะมีความสุข ความเจริญ และช่วยขจัดภัยอันตรายต่างๆ ที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย พิธีสืบชะตาดังกล่าว ประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของไทย ต่างยึดมั่นและถือปฏิบัติกันอยู่ เพราะเชื่อว่าทุกข์ภัยทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และญาติพี่น้องจะหมดหายไป อีกทั้งเชื่อว่าก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่การงานพร้อมที่จะสู้กับชะตาชีวิตต่อไป ซึ่งการทำพิธีสืบชะตา สามารถทำได้ทั้ง
การสืบชะตาคน นิยมทำเมื่อขึ้นบ้านใหม่ ย้ายที่อยู่ใหม่ ได้รับยศหรือตำแหน่งสูงขึ้น วันเกิดที่ครบรอบ เช่น 24 ปี 36 ปี 48 ปี 60 ปี 72 ปี เป็นต้น หรือทำพิธีฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีเคราะห์ร้าย การสืบชะตาจึงไม่มีช่วงเวลาที่อิงกับเทศกาล หรือฤดูกาลใดๆ
สืบชะตาบ้าน นิยมทำเมื่อคนในหมู่บ้านประสบความเดือดร้อน หรือเกิดการเจ็บป่วยกันทั่วในหมู่บ้าน หรือเสียชีวิตติดต่อกันเกิน 3 คน ขึ้นไป ถือเป็นเสนียดของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านอาจพร้อมใจกันจัดในวันปากปี ปากเดือน หรือปากวัน คือวันที่หนึ่ง สอง หรือสามวันหลังวันเถลิงศก เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
สืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนจากอิทธิพลของดวงดาวตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ เพราะเชื่อ่าจะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย จึงจัดพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อให้อายุของเมืองได้ดำเนินต่อเนื่องสืบไป
การประกอบพิธี
การทำพิธีสืบชะตามักทำในห้องกว้า หรือหากจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีมีจำนวนมาก ก็มักจะใช้สถานที่กว้างขึ้น เช่น วิหารวัด หรือสร้างปะรำพิธีขึ้นเป็นพิเศษ โดยจะมีซุ้มที่ทำจากไม้ยาวสามท่อนผูกปลายบนรวมกันเป็นรูปกระโจม บนท่อนไม้มีกล้วยอ้อยผูกติดไว้บนยอดกระโจมมีดอกไม้ธูปเทียน และอื่นๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันบ้างตามท้องถิ่นและตามตำราของผู้ประกอบพิธี โดยผู้ทำพิธีจะกล่าวคาถาหลายบท และบางครั้งให้ผู้เข้าพิธีทำตามคำสั่งด้วย เช่น นำด้ายสายสิญจน์ที่แขวนลงมาจากกระโจมเคียนรอบศีรษะ เป็นต้น ถ้าทำกับคนจำนวนมาก จะมีด้ายสายสิญจน์โยงไปทั่วบริเวณและแขวนด้ายลงให้ผู้เข้าพิธีนำไปวนรอบ ศีรษะของตน ทั้งนี้ ผู้ประกอบพิธีจะมีทั้งพระภิกษุสงฆ์ และคฤหัสถ์ที่เคยบวชเรียนมาแล้ว
ข้อมูล : กระทรวงวัฒนธรรม
www.prapayneethai.com