สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลบ 0.5% ปิดที่ 63.76 เหรียญฯ เหตุ “รัสเซีย-กลุ่มโอเปก” ส่งสัญญาณเพิ่มกำลังผลิตในเดือนก.ค.นี้ จับตาความต้องการใช้น้ำมันเพิ่ม หลังเศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกเติบโตแข็งแกร่ง
เมื่อคืนวันพุธ (17 เม.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 63.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.29 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 71.62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.10 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.1%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลง หลังมีการคาดการณ์ว่า รัสเซียและกลุ่มโอเปกอาจเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดโลกมากขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน แอนตัน ซิลูอานอฟ รมว.คลังของรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียและกลุ่มโอเปกอาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากสหรัฐ
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจตัดสินใจเพิ่มการผลิตตั้งแต่เดือนก.ค. หากยังคงมีปัญหาการผลิตน้ำมันจากประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกับ Gazprom ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ได้มีการคาดการณ์ว่า ข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ซึ่งนำโดยรัสเซีย จะสิ้นสุดลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันคงคลังของสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. โดยสต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางโพลสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล และส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 400,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.4% ในไตรมาสแรก ในขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นฯในจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา