บอร์ดขสมก.มีมติเลิกสัญญาโครงการ “e-Ticket” ไม่หวั่น “ช ทวี” ฟ้องเรียกค่าเสียหาย เหตุส่งมอบงานไม่ตรงตามเงื่อนไขทีโออาร์ พร้อมติดตั้งระบบ “EDC” บนรถเมล์ 2,8116 คัน รับชำระค่าโดยสารจากผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ขสมก.เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีมติยกเลิกสัญญาว่าจ้างบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) และเครื่องเก็บค่าโดยสาร (Cash box) บนรถโดยสาร ขสมก. จำนวน 2,600 คัน วงเงิน 1,665 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถตรวจรับงานตามเงื่อนไขทีโออาร์ได้
ทั้งนี้ หลังจากบอร์ดขสมก. มีมติให้ยกเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว ทางขสมก.จะต้องไปพิจารณาในข้อกฎหมายและรายละเอียดของสัญญาต่อไป และหากบริษัทฯจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากขสมก.ก็สามารถทำได้ เพราะถือว่าบริษัทฯได้รับผลกระทบจากการบอกเลิกสัญญา แต่ทางขสมก.ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน เพราะบริษัทฯส่งมอบงานล่าช้า
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ และรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ (8 มี.ค.) ขสมก.จะนำเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มาติดตั้งบนรถโดยสารขสมก.จำนวน 2,816 คัน แบ่งเป็นรถเมล์ร้อน 1,520 คัน และรถเมล์ปรับอากาศ 1,296 คัน เพื่อรับชำระค่าโดยสารจากผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
“ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯจะต้องแจ้งจุดหมายปลายทางแก่พนักงานเก็บค่าโดยสาร จากนั้นพนักงานจะระบุค่าโดยสารบนเครื่อง EDC ก่อนนำบัตรไปแตะที่หน้าจอบนเครื่อง EDC เพื่อให้เครื่องหักค่าโดยสารออกจากวงเงินในบัตร ซึ่งการดำเนินการจะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำ วิธีการใช้งานแก่ผู้ใช้บริการ ส่วนผู้ที่มีบัตรโดยสารล่วงหน้า ก็สามารถใช้บัตรชำระค่าโดยสารได้ตามปกติ”นายประยูรกล่าว
นอกจากนี้ ขสมก.จะร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาเครื่อง EDC ให้สามารถรองรับการชำระค่าโดยสารผ่านระบบคิวอาร์โค้ดด้วย