ย้อนรอย 1 ปี “แหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน” ไม่สะเทือนบัลลังค์ “บิ๊กป้อม”

รายงานพิเศษ : บทสรุปมหากาพย์ “บิ๊กป้อม” เมื่อนาฬิกาหยุดเดินในมือ “ป.ป.ช.”

เป็นเวลาเกือบปีที่สังคมจับจ้องไปที่สำนวนนาฬิกาและแหวนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะมีผลสรุปมาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นอย่างไร ภายหลังเมื่อวัน 4 ธ.ค.2560 ในการจังหวะถ่ายภาพ “ครม.ประยุทธ์ 5” เมื่อพล.อ.ประวิตรยกมือบังแดดที่ใบหน้ากลายเป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ “แหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน” ต่อการทำหน้าที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินจะอยู่ในรายการที่แจ้งกับป.ป.ช.หรือไม่

เพียงไม่กี่วันจึงเกิดปรากฎการณ์คนในสังคมเดินหน้าตรวจสอบทุกรูปแบบ ตั้งแต่การนำภาพพถ่ายนาฬิกา “ทุกเรือน” ที่พล.อ.ประวิตรสวมใส่ออกงาน แล้วนำมาเปรียบเทียบว่ามีทั้งหมดกี่เรือน แต่ละเรือนมีมูลค่าเท่าใดเพื่อนำไปเทียบกับ “บัญชีทรัพย์สิน” จะตรงกับที่ “บิ๊กป้อม” ได้แจ้งป.ป.ช.อย่างไร ในชั่วโมงนั้นประเด็นนาฬิกาถูกจุดพลุเป็นข่าวใหญ่โตเรียกได้ว่ายิ่งขุดยิ่งเจอมากถึง 25 เรือน จนกระแสพลังการตรวจสอบถาโถมกดดันป.ป.ช.ต้องนำ “สำนวนร้อน” มาแสวงหาข้อเท็จจริงในที่สุด

คณะกรรมการป.ป.ช.ได้เริ่มกระบวนการเก็บหลักฐานหาข้อมูลตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2560 เพื่อเรียกพล.อ.ประวิตรมาชี้แจงเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงเดียวที่ “เพจ CSI LA” ทยอยเปิดภาพนาฬิกาแต่ละเรือนมาเปิดเผย จนวันที่ 16 ม.ค.2561 พล.อ.ประวิตรต้องออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่าเป็น “นาฬิกายืมเพื่อน” แต่กระแสกลับสวิงไปที่ข้อกังขาของสังคมในช่วงนั้นว่าคนระดับ “บิ๊กป้อม” ยังต้องขอยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่ด้วยหรือไม่

ท่ามกลางความคาดหวังต่อการทำหน้าของป.ป.ช. โดยเฉพาะ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. แต่เมื่อถูกย้อนประวัติพบว่า “บิ๊กกุ้ย” เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นสนช. เคยเป็นถึงรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พล.อ.ประวิตรในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ได้ลาออกจากตำแหน่งในเดือนต.ค.2558 เพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้สายสัมพันธ์ “พิเศษ” ครั้งนี้ถูกตั้งคำถามว่า การทำหน้าที่ “ประธานป.ป.ช.” จะเข้ามาเป็นคุณหรือโทษต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ถึงแม้วันที่ 24 ม.ค.2561 “บิ๊กกุ้ย” จะประกาศถอนตัวจากองค์ประชุมการพิจารณาก็ตาม

ใครจะเชื่อว่ามหากาพย์ “นาฬิกาเพื่อน” ยังกระเพื่อมไปถึงดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการนิด้าโพล ต้องประกาศลาออก ภายหลังถูกระงับเผยแพร่ผลโพลประเด็น “ยืมนาฬิกาหรู” หรือการถูกผู้มีอำนาจสั่งเบรค “นาฬิกาฉาว” ภายในงานฟุตบอลประเพณี “จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์” เมื่อ 2 ก.พ.2561

ที่สำคัญการออกมาพูดความในใจของ “นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์” รมว.ศึกษาธิการ ระหว่างงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน เมื่อ 9 ก.พ.2561 ว่า “หากเป็นผมคงลาออกไปตั้งแต่นาฬิกาเรือนแรกแล้ว” จะกลายเป็นวาทะทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ เพื่อเขย่าบัลลังค์ “บิ๊กป้อม” คนในครม.ด้วยกันเอง จนสุดท้าย “หมอธี” ต้องออกมาขอโทษและปลีกตัวหายเงียบถึงทุกวันนี้

แต่แล้ว 22 มี.ค.2561 คณะกรรมการป.ป.ช. ได้ออกมาสรุปเบื้องต้นว่านาฬิกาจาก 25 เรือนที่ถูกพูดถึงนั้น แท้จริงมีแค่ 22 เรือนเท่านั้น พร้อมขอขยายเวลาการแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นระยะๆ แต่กลับสวนทางความรู้สึกของสังคมต่อการมองการทำงานของป.ป.ช.ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ “เดินช้ากว่าปกติ” หรือ “เดินไม่ตรงเวลา” ตามที่คาดหวัง แต่ป.ป.ช.ได้ยืนยันทุกครั้งที่จำเป็นต้องเลื่อนไปเพื่อหาหลักฐานและสอบสวนพยานบุคคลเพิ่มเติมให้สมบูรณ์มากที่สุด ตั้งแต่การเรียกพล.อ.ประวิตรมาให้ข้อมูลเป็นเวลา 4 ครั้ง จนทราบข้อมูลใหม่ว่านาฬิกาทั้งหมดที่ได้ยืมมาจากเพื่อนสนิทชื่อ “ปัฐวาท สุขศรีวงศ์” มหาเศรษฐีเจ้าของคอมลิงค์ แต่ได้เสียชีวิตไปแล้ว

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลว่า “ปัฐวาท” เป็นเพื่อน “บิ๊กป้อม” ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ถือเป็นเพื่อนคนสำคัญที่มักจะให้นาฬิกาเพื่อนยืมไปใส่ ทำให้ป.ป.ช.ต้องเปลี่ยนทิศทางสืบพยานเพิ่มไปที่ผู้แทนจำนวนนาฬิกาทั้งไทย-ต่างประเทศ แต่กรมศุลกากรไม่สามารถตรวจสอบยืนยันการนำเข้านาฬิกาจากต่างประเทศได้ ขณะที่ประเด็นแหวนเป็นมรดกบิดา-มารดามอบให้ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกฯ-รมว.กลาโหม จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงแหวนในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง

ในที่สุด 27 ธ.ค.2561 วันที่สังคมเฝ้ารอการสรุปสำนวนจากคณะกรรมการป.ป.ช.จนได้มติ 5 ต่อ 3 ไม่รับพิจารณาเป็นคดีตีตก “นาฬิการ้อน” ในมือพล.อ.ประวิตรออกไป ท่ามกลางข้อ “กังขา” ความรู้สึกสังคมต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงตลอดปี

จากนั้นเพียงไม่ถึงชั่วโมงที่ “มติร้อน” ออกมาเป็นทางการมีนักการเมือง นักวิชาการ ภาคสังคม ต้องออกมา “ตั้งคำถาม” ถึงการทำหน้าที่ของป.ป.ช.ว่าเหตุใดจึงไม่ขยายเวลาสอบสวนตามที่มีกระแสข่าวจากกรรมการป.ป.ช. “เสียงข้างน้อย” ทั้ง 3 คนต้องการขอความร่วมกับต่างประเทศ เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงให้ลงลึกไปกว่าจะหยุดแค่ประเด็น “ยืมเพื่อน” เท่านั้น

ขณะที่ “บิ๊กป้อม” ออกมายืนยันหลังทราบมติ 5 ต่อ 3 ว่า ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้หนักใจ เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ก่อนหน้านี้ได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว

กลายเป็นความมั่นใจที่สังคมมองต่อไปถึง “บทบาท” ภายใจดุลยภาพใต้ปีกอำนาจคสช.ทันที เพราะส่วนหนึ่งสำนวนเรื่องนี้ถูกนำไปเทียบเคียงกับคดี “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตามที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ต่อการครอบครอง รถยนต์โฟล์คสวาเกน ราคา 3 ล้านบาท ในขณะที่พ้นจากตำแหน่งประธานการรถไฟแห่งประเทศไทย กรรมการการบินไทย ประธานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นเวลา 1 ปี โดยนายสุพจน์ก็ชี้แจงในชั้นพิจารณาว่ารถโฟล์กสวาเกนไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นของนายเอนก จงเสถียร นักธุรกิจฟิล์มถนอมอาหาร และได้คืนให้กับนายเอนกไปแล้ว

ในครั้งนั้นองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คนพิจารณาแล้วมีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าตามกฎหมายป.ป.ช. พ.ศ.2542 ต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและเอกสารประกอบนั้น จึงพิพากษายืนให้จำคุกนายสุพจน์เป็นเวลา 10 เดือน และห้ามดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 5 ปี 

แต่ที่สุดแล้วมติป.ป.ช.ที่ออกมานั้นสังคมยังมีคำถามไม่จบสิ้น โดยเฉพาะสั่นคลอนความเชื่อมั่นป.ป.ช.ต่อการทำหน้าที่ปกป้องรักษาผลประโยชชน์แผ่นดินและประชาชน จาก “กฎเหล็ก” การยื่นบัญชีทรัพย์จะเป็นด่านแรกสกัดผู้มีอำนาจ ไม่ให้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์มิชอบ จึงจำเป็นต้องเปิดเผยทรัพย์สมบัติทั้งก่อนและหลังดำรงตำแหน่งสำคัญ

ไม่นั้นทุกอย่างจะถูกมองได้ว่าการ “ยืม-คืน” แล้วพ้นผิดจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในสังคมแห่งนี้ !!!

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

เบียร์ เดอะวอยซ์ โพสต์ลอยๆ “รออยู่ค่ะ” ชาวเน็ตถาม “รอหมายศาลหรอ?”

ตอบโต้กันสุดแรง !! หลัง “เบียร์ เดอะวอยซ์” โพสต์ลอยๆ “รออยู่ค่ะ” ด้านชาวเน็ตถามแซ่บ “รอหมายศาลหรอ?” ทำเอางานนี้เตร […]

คิดถึงกันมั๊ย? หมิว ลลิตา เปิดใจครั้งแรก! หลัง หายหน้าจากวงการไป 10 ปี

“หมิว ลลิตา” เปิดใจครั้งแรก! อัพเดตชีวิตหายหน้าจากวงการไป 10 ปี เพราะป่วยหนัก ผ่าตัด 2 รอบ เกือบเป็นอัมพาต หายหน้าจากวงการบันเทิงไปนานกว่า […]

20 ปี ยังหวานเจี๊ยบ !! ลีเดีย-แมทธิว โต้ข่าวลือ “คู่รักเตรียมหย่า”

20 ปี ยังหวานเจี๊ยบ !! ลีเดีย-แมทธิว โต้ข่าวลือ ยันรักยังแฮปปี้! ไม่ใช่คู่รักเตรียมหย่า ชมภรรยาลูกสามแต่หุ่นยังเป๊ะ ยังคงหวานกันไม่เปลี่ยน สำหรับคู่รั […]

รู้แล้ว แม่แบงค์เลสเตอร์ โดนแก๊งคอลฯหลอก 3 แสนยังไง ไม่น่าพลาดเลยแม๊!

แม่แบงค์เลสเตอร์เสียรู้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจอหลอกโอน 3 แสน เผยเพิ่งตื่นนอนเลยไม่ดูให้ดี กดโอนไปเกลี้ยงบัญชีอย่าไม่น่าเชื่อ

งานเข้า !! โดม ปกรณ์ ลัม ถูกโยงดราม่า “ดาราโลกสองใบ”

“โดม ปกรณ์ ลัม” เดือด! ถูกโยงดราม่า “ดาราโลกสองใบ” – “ดัง พันกร” โผล่คอมเมนต์แซว ใครกันหรอโลกสองใบ!? ยังไม่ทันรู้ว่าใครคือ “ดาราโลกสองใบ” แต่ชื่อของ “ […]

“ดัง พันกร” โพสต์ถึง “ลูกแท้ๆ” งานนี้ทำเอาแฟนคลับอึ้ง!!

แฟนคลับอึ้ง!! “ดัง พันกร” โพสต์ถึง “ลูกแท้ๆ” ทำเอาแฟนคลับยุค 90 อึ้งทั้งโซเชียล ลั่น!! “เรียกพ่อสิลูก” เรียกเสียงฮาและความคิดถึงจากแฟนคลับ […]
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า