ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 54.01 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด การผลิตน้ำมันจากกลุ่มโอเปกลดต่อเนื่อง
เมื่อคืนวันพุธ (6 ก.พ.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 54.01 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.35 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.7% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 62.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.71 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.2%
สัญญาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันกลั่นที่แข็งแกร่งในสหรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 447.2 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 513,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ตึงตัวมากขึ้น หลังมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนม.ค.ลดลง 890,000 บาร์เรล/วัน ลงสู่ระดับ 30.98 ล้านบาร์เรล/วัน และซาอุดีอาระเบียจะลดกำลังผลิตลงอีก 100,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ทำให้กำลังผลิตของซาอุดีอาระเบียอยู่ที่ 10.1 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา คือ PDVSA ยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้สัญญาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และผลสำรวจเกี่ยวกับภาคธุรกิจในกลุ่มยูโรโซนที่ชะงักงันเมื่อเดือนม.ค. ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐและจีน กำลังเตรียมการประชุมเพื่อเริ่มเจรจาข้อตกลงทางการค้ารอบใหม่
บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 7 ก.พ. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยปริมาณน้ำมันดีเซลและอากาศยานคงคลังปรับลด 2.3 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์พุ่งขึ้นจากสภาพอากาศที่หนาวจัด
ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐปรับเพิ่มราว 1.3 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มราว 2.2 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตามองสัญญาณอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หลังกลุ่มผู้ผลิตในและนอกโอเปกร่วมมือที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า กลุ่มผู้ผลิตดังกล่าวได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงราว 3 ใน 4 ของปริมาณการปรับลดที่ได้ตกลงไว้
ส่วนสถานการณ์ในเวเนซุเอลา ฝ่ายค้านเวเนซุเอลาจัดตั้งกองทุนการซื้อขายน้ำมันดิบกับสหรัฐ เพื่อรับรายได้จากการขายน้ำมันภายใต้อำนาจของนายฮวน กุยโด ผู้นำฝ่ายค้าน โดยการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อจำกัดรายได้ของเวเนซุเอลาภายใต้อำนาจของนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ส่งผลให้นายโมดูโรอาจต้องลาออกจากตำแหน่งในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และบทสรุปของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยทั้งสองประเทศจะมีการเจรจาทางการค้าอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 3 มี.ค. 62 นี้
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล