การเสียชีวิตของนายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญ หลังขัดขืนการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังคงเป็นปริศนาว่า เจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ล่าสุด วันนี้ ศาลได้เริ่มการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายชัยภูมิแล้ว ขณะเดียวกัน ทนายและญาติของนายชัยภูมิ ก็ลุ้นให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารเผยหลักฐานสำคัญ ซึ่งก็คือภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุ มาเปิดเผยต่อสาธารณชนให้ทราบ
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มการไต่สวนการตายกรณีนายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 17 ปี นักกิจกรรมและแกนนำเยาวชนลาหู่ เป็นนัดแรก หลังถูกทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ใช้อาวุธปืนวิสามัญฆาตกรรมจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยมีนางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ พร้อมกลุ่มญาติกว่า 10 คน เดินทางมาร่วมรับฟังการไต่สวนในครั้งนี้
โดยในวันนี้ มีทนายความ นายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้ เปิดเผยว่า การไต่สวนครั้งแรกในวันนี้ พนักงานอัยการผู้ร้องได้นำเสนอ เจ้าหน้าที่ทหาร พนักงานสอบสวน แพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ และ ฝ่ายปกครอง เพื่อให้ศาลได้ไต่สวนถึงลักษณะและสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมตามกฏหมายหรือกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมบัญชีพยานไว้เพิ่มเติม หากพยานส่วนใดที่พนักงานอัยการไม่ได้นำเสนอ ก็จะใช้สิทธิยื่นต่อศาลขอให้นำเข้ามาสู่การไต่สวนเพิ่มเติม โดยบัญชีที่เตรียมไว้เพิ่มเติมคือชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นประจักษ์พยานที่มีน้ำหนัก รวมทั้งมารดาและญาติของนายชัยภูมิที่ไปยังจุดเกิดเหตุในวันเกิดเหตุ
ส่วนความกังวลใจในการไต่สวนนายสุมิตรชัย บอกว่า เป็นเรื่องของภาพจากกล้องวงจรปิด โดยไม่ทราบว่าพนักงานอัยการจะได้รับจากฝ่ายทหารและได้นำเสนอเป็นหนึ่งในพยานหลักฐานให้ศาลไต่สวนหรือไม่ หากไม่ได้มาก็จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเรียกเข้ามาเพิ่มเติม เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะไขข้อสงสัยในสาเหตุการตายได้
ด้านนางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ บอกว่า ขอเรียกร้องความยุติธรรมให้กับบุตรชาย ยืนยันว่าบุตรชายเป็นคนดี ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยเหลือและดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มทหารที่กระทำเกินกว่าเหตุ
