“สรรพากร” ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้ เริ่มรีดภาษีกำไรขายบุหรี่จากผู้ค้าบุหรี่ทั้ง “ค้าส่ง-ค้าปลีก” ที่รับบุหรี่มาจาก “ยสท.” รวม 22.5%
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. รายงานข่าวจากกรมสรรพากร กระทรวงกาคลัง แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2562 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการที่ขายสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) จะต้องมีภาระภาษีเงินได้เช่นเดียวกับการขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป โดยผู้ประกอบการขายส่งจะต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตรา 12.5% ของกำไรของผู้ขายส่งไม่ว่าทอดใด และกรณีการขายปลีกจะต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตรา 10% ของกำไรของผู้ขายปลีก
“ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2562 ยสท.จะไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ออกแทนให้ผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกสินค้ายาสูบ ดังนั้น ผู้ขายสินค้ายาสูบทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดามีหน้าที่นำเงินได้จากการขายสินค้ายาสูบมารวมคำนวณและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีต่อไป ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันทางการค้าระหว่างผู้ผลิตสินค้าบุหรี่ในประเทศและผู้นำเข้าสินค้าบุหรี่จากต่างประเทศ”รายงานข่าวระบุ
สำหรับการเสียภาษีเงินได้ดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2562 ซึ่งได้เห็นชอบมาตรการการปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้ออกแทนให้ผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกสินค้ายาสูบของ ยสท. ดังนี้
1.ระหว่างวันที่ 14 พ.ค.2561 (วันที่พ.ร.บ.การยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ) ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2562 กำหนดให้ ยสท. เสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบในอัตรา 12.5% ของกำไรของผู้ขายส่งไม่ว่าทอดใด และในอัตรา 10% ของกำไรของผู้ขายปลีก
ทั้งนี้ กรณีผู้ขายสินค้ายาสูบที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ยสท.ได้ออกภาษีแทนนั้น ให้ถือเป็นเครดิตภาษีของผู้ขายสินค้ายาสูบ และกรณีผู้ขายสินค้ายาสูบที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่ยสท.ได้ออกภาษีเงินได้แทนนั้น ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2562 ยสท.จะไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ออกแทนให้ผู้ขายส่ง และผู้ขายปลีกสินค้ายาสูบ ดังนั้น ผู้ขายสินค้ายาสูบทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดามีหน้าที่นำเงินได้จากการขายสินค้ายาสูบมารวมคำนวณและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีต่อไป