ตำรวจภาค 4 ระดมทีมรวบ แก๊งโจร “ปล้นร้านทอง” จ.ขอนแก่น ขณะขับรถยนต์บนถนนเลี่ยงเมือง จ.อุดรธานี เร่งไล่ล่าอีก 2 รายหนีกบดานสปป.ลาว
ความคืบหน้ากรณี 2 คนร้ายเป็นชายใช้อาวุธปืนสั้นไม่ทราบชนิด บุกปล้นร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 2 นาที สามารถกวาดเอาทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 437 บาท และหลบหนีไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาพบเบาะแสว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้นำทองคำรูปพรรณบางส่วนที่ปล้นได้ไปตระเวนขายตามร้านทองในพื้นที่อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ในช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บล 6213 อุดรธานี เป็นยานพาหนะในการนำทองไปขาย และนำรองเท้าผ้าใบสีดำขาวที่ใส่ในวันก่อเหตุไปทิ้งลงถังขยะข้างทาง ซึ่งกล้องวงจรปิดของเอกชนสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงทำการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว จนทราบชื่อผู้ครอบครอง คือ นางจันทรจร โปลาแสน ชาว ต.บ้านดอน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นภรรยานายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ อายุ 37 ปี หนึ่งในสองคนร้ายที่เป็นผู้ลงมือปล้น จึงนำกำลังไปยังบ้านหลังดังกล่าวแต่ไม่พบตัว จึงทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและประสานตำรวจในพื้นที่ ทางตำรวจภูธรภาค 4 หาเบาะแสรถยนต์ต้องสงสัย
ล่าสุดช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 สามารถสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวและควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นบุคคลในภาพถ่ายกล้องวงจรปิดที่นำสร้อยทองไปขายและนำรองเท้าผ้าใบทิ้งถังขยะ โดยจับกุมตัวได้บริเวณทางเลี่ยงเมือง จ.อุดรธานี ทราบชื่อคือ นายไพรวรรณ ญาบัณฑิต, นายสุพจน์ เพชรรังษี และนายณรงค์ เจือจินดา
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ภายหลังจากที่คนร้าย 2 คน คือ นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ และสิบเอกเรืองศักดิ์ พันธ์ทอง เข้าปล้นร้านทองได้สำเร็จได้ขับขี่รถรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ในป่าพื้นที่บ้านศรีฐาน เขตเทศบาลนครขอนแก่น ห่างจากจุดก่อเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วให้นายไพรวรรณ และนายสุพจน์ ขับรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้มารับ ก่อนจะพากันหลบหนีไปด้วยกัน ก่อนจะนำทองที่ได้มาไปเก็บใส่ไหฝั่งไว้ในสวนยางพาราในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ
ซึ่งในช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ค. นายไพรวรรณ และนายณรงค์ จึงได้นำเอาสร้อยทองบางส่วนไปตระเวนขายในพื้นที่อำเภอภูเขียว จ.ชัยภูมิ ก่อนจะรับตัวนายชัยมงคล, สิบเอกเรืองศักดิ์ และนายสุพจน์ รวม 5 คน นำสร้อยทองอีกส่วนไปขายที่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย แล้วส่งนายชัยมงคล และสิบเอกเรืองศักดิ์ไว้เพื่อเตรียมหลบหนีข้ามไปยัง สปป.ลาว ซึ่งขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 4 อยู่ระหว่างการติดตามตัวพร้อมกับประสานกงสุลใหญ่ สปป.ลาว ประจำจังหวัดขอนแก่น เพื่อประสานทางการ สปป.ลาว ให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุม 2 ผู้ต้องหา หากมีการหลบหนีไปยัง สปป.ลาว และจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้ เพื่อขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่