ราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง 3.2% หลังจีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 3.2% ปิดที่ 52.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังมีรายงานจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนจับตาสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐ

เมื่อคืนวันอังคาร (15 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 52.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.60 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3.2% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 60.64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.65 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น2.8%

สัญญาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังมีรายงานว่าจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ การจัดหาสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดเล็ก เพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและภาคการผลิต รวมทั้งออกมาตรการที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในปี 2562 เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์จากบริษัทจีบีซี เอนเนอร์จี กล่าวว่า ข่าวจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการที่นักลงทุนมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาร่วงลงกว่า 2% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากยอดส่งออกเดือนธ.ค.ของจีนลดลง 4.4%

นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย

ด้านบมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่16 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 3% โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หลังผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐและจีน ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว

ทั้งนี้ คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ เผยว่า เศรษฐกิจจีนจะมีแนวโน้มสดใสในไตรมาส 1 ของปี 2562 ส่งผลให้ตลาดคาดว่าจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ เนื่องจากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อ (Credit) ในเดือน ธ.ค. 2561 ค่อนข้างอ่อนแอ แม้จะมีการปล่อยมาตรการกระตุ้นไปก่อนหน้าแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ ตัวเลขการส่งออกในเดือนดังกล่าวหดตัวถึง 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.0%

อย่างไรก็ตาม หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลและเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการที่รัฐสภาอังกฤษได้คว่ำร่างข้อตกลง BREXIT ของนางเทเรซา เมย์ ด้วยคะแนนเสียง 432-202 ส่งผลให้อังกฤษอาจต้องเผชิญกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีเงื่อนไข (Disorderly exit) หรืออาจยกเลิกการถอนตัวจากสหภาพยุโรป หากเมย์ไม่สามารถนำเสนอแผน BREXIT ฉบับใหม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด

บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 57-62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า