ราคาน้ำมันดิบร่วงเล็กน้อย WTI ปิดที่ 51.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จับตาการเจรจานอกรอบระหว่างผู้นำสหรัฐ-จีน หาข้อยุติสงครามการค้า
เมื่อคืนวันอังคาร (27 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเล็กน้อยเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยนักลงทุนจับตาการเจรจานอกรอบระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ปลายสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันที่เก็บภาษีในวงเงิน 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า แทบเป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐจะชะลอการปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 25% ในวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า จากปัจจุบันที่เก็บภาษีในอัตรา 10%
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตในปีหน้าลง 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในวันที่ 6 ธ.ค.นี้
ขณะที่ในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 430,000 บาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งจะเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 51.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.07 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 60.21 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.27 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.5%
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 58.95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.11 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.18%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28 พ.ย. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะถูกนำไปหารือในการประชุมผู้นำด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่สำคัญ 20 ชาติ (G20) ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ ผู้นำของสหรัฐและจีนจะหารือประเด็นดังกล่าวนอกรอบในวันเสาร์นี้ ตามการเปิดเผยของที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจาก อุปทานน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง หลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือนพ.ย.2561 ขึ้นไปแตะระดับ 11.3 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน หลังสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) เปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ขึ้นมาแตะระดับ 442.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จะประกาศในวันนี้
นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังคงจับตามองการประชุมของกลุ่มโอเปกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ด้วยความคาดหวังที่ว่า OPEC และพันธมิตรจะเพิ่มเป้าหมายในการลดกำลังการผลิตเป็น 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 58-63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ ,ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือนพ.ย.2561 ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มปรับลดลง หลังโรงกลั่นส่วนใหญ่ในสหรัฐ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง