ราคาน้ำมันดิบร่วง 6% หลังตลาดหุ้นสหรัฐทรุดกว่า 551 จุด

ราคาน้ำมันดิบร่วงหนัก WTI ลบ 6% ปิดที่ 53.43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังดาวโจนส์ทรุดกว่า 551 จุด ขณะที่นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากประเด็นสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

เมื่อคืนวานนี้ (20 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงกว่า 6% เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 500 จุด ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และเทขายสินทรัพย์เสี่ยง

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ และส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจจะไม่ใช้มาตรการลงโทษซาอุดีอาระเบีย ในกรณีการฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย

ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในปีหน้า รวมถึงจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ เวลา 2.30 น.ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 53.43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 3.77 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง 6.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 62.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 4.26 เหรียญสหรัฐ หรือ 6.4%

ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 65.37 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.68 เหรียญสหรัฐ หรือลดลงประมาณ 1%

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21 พ.ย.ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหนัก หลังได้รับแรงกดดันจากดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลง 551.8 จุด ลงไปแตะระดับ 24,465.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบสามสัปดาห์

โดยเป็นผลมาจากนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับเพิ่มดอกเบี้ยเชิงนโยบายอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ตลาดกังวลและไม่มั่นใจในการควบคุมสมดุลน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีหน้าคาดการณ์ว่า จะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศจีน

ในขณะที่กลุ่มโอเปกจะประชุมหารือประเด็นการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 1.0 -1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมกลุ่มโอเปก ณ เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย วันที่ 6 ธ.ค.นี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า ปริมาณน้ำมันดิบคง คลังของสหรัฐ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2.9 ล้านบาร์เรล และปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9

อย่างไรก็ตาม หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) ได้เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ ปรับตัวลดลง 1.5 ล้านบาร์เรลลงไปแตะระดับ 439.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยรายงานอย่างเป็นทางการของสถาบันสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จะประกาศในวันนี้

บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 52-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 62-66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ การคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลง หลังผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและรัสเซียมีการหารือถึงการปรับลดกำลังการผลิต ,ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดันจากจากการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่ลดลง และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า