ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ขานรับ “สหรัฐ-จีน” เจรจายุติสงครามการค้ารอบใหม่

ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.85% เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 รับข่าวคณะผู้แทนสหรัฐเดินทางเยือนจีนเพื่อเจรจายุติข้อพิพาทสงครามการค้ารอบใหม่

เมื่อคืนวันศุกร์ (4 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 47.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.87 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.85% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 57.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.11 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.98%

สัญญาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะได้ข้อยุติ หลังจากกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ว่า คณะผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในวันที่ 7-8 ม.ค.เพื่อเจรจาเกี่ยวกับแนวทางในการบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้า

สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวก จากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 312,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเผชิญแรงกดดันในระหว่างวัน สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 7,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 7 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 2 หลังผู้เล่นในตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากทั้งสองประเทศเตรียมการเจรจาการค้ารอบใหม่ในช่วงวันที่ 7-8 ม.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ คณะผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐ เตรียมเดินทางไปประเทศจีนเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ในช่วงวันที่ 7-8 ม.ค.นี้ หลังจากทั้งสองประเทศมหาอำนาจได้ชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศเป็นเวลา 90 วัน

ขณะที่ Baker Hughes รายงานตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ม.ค.2562 ปรับตัวลดลง 8 แท่น มาอยู่ที่ 877 แท่น ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์เนื่องจากผู้ผลิตในสหรัฐฯ เริ่มชะลอการขุดเจาะน้ำมันดิบลง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบลดช่วงบวกลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยว่า ปริมาณน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.9 และ 9.5 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสาเหตุหลักมาจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ ที่ยังเพิ่มอัตราการกลั่นน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯค่อนข้างทรงตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า