ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนเชื่อมั่นข้อตกลงโอเปกลดกำลังการผลิต จับตาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หลังปี 2561 เศรษฐกิจโตต่ำสุดรอบ 28 ปี
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นข้อตกลงการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร หลังผู้ผลิตกลุ่มโอเปกเปิดเผยโควต้าการปรับลดกำลังการผลิตรายประเทศ ในสัปดาห์ก่อนหน้า
ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ไม่มีราคาปิดเนื่องในวัน Martin Luther King Jr. Day โดยราคาอยู่ที่ 53.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน หลังเปิดเผยว่า ในปี 2561โรงกลั่นน้ำมันในประเทศจีนได้กลั่นน้ำดิบเพิ่มขึ้น 6.8% ขึ้นไปแตะระดับ 12.1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยในเดือน ธ.ค.2561 โรงกลั่นน้ำมันในประเทศจีนได้กลั่นน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในไตรมาส 4 ของปี 2561 เติบโต 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ชะลอตัวลงจากไตรมาส 3 ของปี 2561 ที่เติบโต 6.5% ส่งผลทำให้ทั้งปี 2561 จีดีพีของจีนเติบโต 6.6% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 28 ปี
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวจะในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ 1.สถานการณ์ในสหราชอาณาจักร หลังแผนการตกลง BREXIT ที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ถูกปฏิเสธโดยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งนับเป็นการพ่ายแพ้ด้วยคะแนนเสียง 202 ต่อ 432 ส่งผลให้ประเทศอังกฤษอาจต้องถอนตัวจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น หรืออาจยกเลิก BREXIT หากไม่สามารถเสนอแผน BREXIT ฉบับใหม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด
2.เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดโลกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาจเผชิญหน้ากับการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
และ3.ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่โรงกลั่นในสหรัฐได้ปรับลดกำลังการกลั่นและมีแนวโน้มที่จะปรับลงอย่างต่อเนื่อง