ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 51.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 2.6% หลังมีสัญญาณบ่งชี้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งหนักกว่า 500 จุด ขณะที่สื่อดังคาดเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 2 ปีข้างหน้า
เมื่อคืนวันศุกร์ (14 ธ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลดลง 2.6% หลังจีนรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันของจีน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาชิก 15 ชาติของโอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/หรือคิดเป็นกำลังการผลิตที่ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 51.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.38 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 60.28 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.17 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.9%
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 59.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.88 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.5%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17 ธ.ค.ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 2% หลังได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นที่ปรับลดลงอย่างมาก จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่า 2% หรือราว 500 จุด หลังยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคการอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวลดลงจากที่ผ่านมา ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรปที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มชะลอตัวลง
ขณะที่รายงานของสำนักข่าว Reuter ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่จะประสบกับภาวะถดถอยกว่าร้อยละ 40 หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ เศรษฐกิจโลกเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอน จากความขัดแย้งระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ประเทศเกาหลีใต้คาดจะกลับมานำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านในช่วงสองเดือนแรกของปีหน้า หลังได้หยุดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านมาติดต่อกันกว่า 3 เดือน เนื่องจากในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา สหรัฐได้อนุมัติให้เกาหลีใต้และอีก 7 ประเทศนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านได้จนถึงเดือน พ.ค.2562
ส่วนปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ รายงานโดย Baker Hughes ปรับลดลง 3 แท่นสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือนที่ 873 แท่น ซึ่งอาจเป็นการบ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในอัตราช้าลง
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 57-62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นในสหรัฐยังคงอัตราการกลั่นในระดับสูงเพื่อรองรับความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาว ,ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังตกลงที่จะปรับลดลงกำลังการผลิตลงราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.2562 เป็นเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน
และสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังกองกำลังติดอาวุธบุกยึดแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อย่างแหล่ง El Sharara กำลังการผลิตกว่า 315,000 บาร์เรล/วัน