ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 2.4% ได้แรงหนุนโอเปกเตรียมลดกำลังผลิต ขณะที่ “โกลด์แมน แซคส์” คาดราคาสินค้าโภคภัณฑ์จ่อเพิ่มขึ้น 17% ได้อานิสงค์จากการประชุม G20
เมื่อคืนวันจันทร์ (26 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดตลาดพุ่งขึ้นมากกว่า 2% โดยได้รับแรงหนุนจากจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกจะลงมติปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมซึ่งจะจัดขึ้น ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้
ขณะที่ โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยในรายงานเมื่อวานนี้ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะดีดตัวขึ้นในปีหน้า จากการที่กลุ่มโอเปกประกาศปรับลดกำลังการผลิต พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะพุ่งขึ้น 17% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะได้แรงหนุนจากการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.2561
โกลด์แมน แซคส์ เชื่อว่า ในการประชุม G20 ครั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะมีโอกาสเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินจะสามารถหารือนโยบายการผลิตน้ำมันกับมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากอะโดบี อนาลิติค ซึ่งติดตามและวิเคราะห์ยอดขายทางออนไลน์ คาดการณ์ว่า ยอดขายออนไลน์ในช่วงวันไซเบอร์มันเดย์ปีนี้ จะพุ่งขึ้น 18% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 51.63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.21 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 60.48 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.68 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.9%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 59.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง 3.06%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27 พ.ย. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTIปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ฟื้นตัวในส่วนของการค้าปลีก
โดยเฉพาะแรงหนุนอย่างต่อเนื่องของการซื้อขายสินค้าแบบออนไลน์ในวัน Black Friday และ Cyber Monday โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัน Cyber Monday หรือวันจันทร์ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าจะมียอดขายปลีกออนไลน์มากถึง 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากหลายฝ่ายยังคงกังวลเกี่ยวกับตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของประเทศซาอุดิอาระเบียที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยหลายฝ่ายประมาณการว่า การผลิตน้ำมันดิบของประเทศซาอุดิอาระเบียในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 11.1-11.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ราว 0.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของความต้องการใช้น้ำมันดิบโลก
นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังคงจับตามองการประชุมของกลุ่มโอเปก ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ด้วยความคาดหวังที่ว่า OPEC และพันธมิตรจะเพิ่มเป้าหมายในการลดกำลังการผลิตเป็น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม Saudi Aramco ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย กลับมีเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในเอเชีย โดยมุ่งเน้นในการเจาะตลาดจีน อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซียและรวมถึงตลาดในแอฟริกาอีกด้วย ส่งผลให้หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่จะปรับเพิ่มขึ้น แม้ Saudi Aramco จะออกมากล่าวอ้างในการปฏิบัติตามมาตรการของโอเปกก็ตาม
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 58-63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ การจับตาความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ ,ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือนพ.ย. 61 คาดว่าจะปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าสหรัฐจะประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านได้
และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มปรับลดลง หลังโรงกลั่นส่วนใหญ่ในสหรัฐ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง