จากกรณีในโลกโซเชียลมีการโพสต์แชร์เรื่องราวกรณีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ปล่อยให้ศพของผู้เข้ารับบริการขึ้นอืดคาห้องเก็บศพ ซึ่งผู้โพสต์ได้โพสต์ลงเฟสบุ๊ก
ที่ใช้ชื่อว่า “สิงโต วชิรปกรณ์” พร้อมข้อความน้อยใจกับการให้บริการของโรงพยาบาลที่ไม่ยอมให้นำศพออกจากโรงพยาบาลปล่อยให้ศพพ่อของตนเองเน่าคาโรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ จนทราบว่า มีชื่อจริงว่า นายจิรวัฒน์ ด้วงมะดัน อายุ 20 ปี ชาวบ้านบุหว้า หมู่ที่ 2 ต.สระว่านพระยา อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสายของวานนี้
(26 พ.ค.) พ่อของตนได้เสียชีวิต เนื่องจากโรคประจำตัว ทราบชื่อคือ นายชัยชาญ ด้วงมะดัน อายุ 49 ปี ซึ่งทางญาติพี่น้องไม่มีใครติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแจ้งว่า ต้องนำศพไปชันสูตร สาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อชันสูตรศพเรียบร้อยแล้วทางญาติก็จะขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน แต่เนื่องจากขณะนั้นไม่มีญาติทางสายเลือดตรงไปเซ็นยินยอมรับศพ กับทางโรงพยาบาล มีเพียง ตน คนเดียวที่เป็นลูกชายสายเลือดโดยตรง
แต่ขณะนั้นตนอยู่ที่อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอครบุรีประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งกว่าที่ ตน จะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาหลัง 18.00 น.แล้ว โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าหลังเวลา 18.00 น. ไม่อนุญาตให้นำศพออกจากโรงพยาบาล จึงได้เดินาวกลับ และจะมารับศพในวันรุ่งขึ้น (27 พ.ค.) ก่อนที่ตนจะเจอสภาพศพของพ่อเป็นอย่างที่โพสต์ลงไปในโลกโซเชียล ซึ่งตนก็ไม่พอเข้าใจกับระเบียบที่ห้ามรับศพกลับหลัง18.00 น. และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีการฉีดยาฟอร์มาลีน หรือนำศพ เก็บไว้ในห้องเย็น แต่กลับปล่อยให้ศพบิดาของตนเป็นอย่างในสภาพที่เห็น ส่วนตัวก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องเป็นราวมาก แต่อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา และไม่อยากที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
นายสุวรรณ ด้วงมะดัน อายุ 74 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำเหมือนลูกตนเองไม่มีศักดิ์ศรี ลูกตนเป็นคนเหมือนกันน่าจะปฏิบัติกับศพคนตายให้ดีกว่านี้ ไม่ใช้ปล่อยให้แมลงวันเกาะศพ อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นศพก็ไม่ได้อยู่ในห้อง ตนไม่อยากมีเรื่องกับโรงพยาบาล แต่อยากให้โรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทางโรงพยาบาลที่เกิดเหตุทราบว่าเป็นโรงพยาบาลครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งนายแพทย์พัฒนา เบ้าสาทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลครบุรี เปิดเผยว่า
ข้อเท็จจริงแล้วระเบียบของโรงพยาบาลไม่มีกำหนดไว้ว่า ห้ามให้ญาตินำศพออกจากโรงพยาบาล หลังจากเวลา 18.00 น. เพราะหากทางญาติสามารถนำหลักฐานต่างๆมาแสดงกับเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้องครบถ้วน ก็สามารถนำศพออกจากโรงพยาบาลได้ตลอดเวลา เพราะทางโรงพยาบาลเองก็ไม่ได้มีห้องเย็นเก็บศพ ซึ่งหากจำเป็นก็จะต้องส่งศพไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลบาลมหาราช
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นคิดว่า น่าจะเป็นเวลานอกราชการ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ก็อาจจะไม่ชัดในแนวทางการอนุญาตให้ญาตินำศพออกจากโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นปัญหาในระบบการให้บริการของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอง โดยเหตุการณที่เกิดขึ้นก็ต้องมาทบทวนเพื่อวางแนวทางการปฏิบัติที่ให้เป็นที่เข้าใจ และมีความชัดเจน กับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ทราบในแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป