ก.พลังงานเตรียมพร้อมรับมือพายุ “ปาบึก” สั่งสำรองก๊าซ LNG -น้ำมันเตา เพื่อผลิตไฟฟ้า หลังก๊าซในอ่าวไทยหาย 600 ลบ.ฟุต/วัน พร้อมให้ปตท.จัดหาก๊าซหุงต้มให้เพียงพอ
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. กระทรวงพลังงาน เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า จากเหตุการณ์พายุโซนร้อนปาบึก (PABUK) บริเวณอ่าวไทย เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย กระทรวงพลังงานได้ประสานข้อมูล สั่งการและติดตามร่วมกับบริษัทผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทยทั้ง 8 กลุ่มบริษัทอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ได้มีการถอนตัวเจ้าหน้าที่ที่ไม่จำเป็นในการผลิตกลับขึ้นฝั่ง ณ จังหวัดสงขลาและจังหวัดชลบุรีโดยเรือและเฮลิคอปเตอร์ เรียบร้อยแล้วอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ผลจากพายุโซนร้อนครั้งนี้ บริษัทผู้ประกอบการจำเป็นต้องหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบบางส่วนเพื่อความปลอดภัย ทำให้ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลงจากการที่แหล่งบงกชเหนือหยุดการผลิตประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จากปริมาณการผลิตทั้งหมดในอ่าวไทยจำนวน 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน สำหรับน้ำมันดิบหยุดการผลิตประมาณ 27,000 บาร์เรล/วันจากปริมาณการผลิตปัจจุบัน 100,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งในส่วนการผลิตน้ำมันดิบที่ลดลงนั้นยังไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ในประเทศ
เอกสารระบุต่อว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยในการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาตินั้น บริษัท ปตท. จะส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้าระบบเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ลดลง
ส่วนการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้สำรองจากเชื้อเพลิงอื่นมากขึ้น โดยได้สำรองน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าอย่างเพียงพอหากจำเป็น รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจากต่างประเทศ สำหรับก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ส่งเข้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติลดลง กรมธุรกิจพลังงานและปตท. จะบริหารจัดการให้มีปริมาณ LPG เพียงพอต่อการใช้ของประชาชน
“ในภาพรวมกระทรวงพลังงานสามารถบริหารจัดการโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะแจ้งให้ทราบอย่างต่อเนื่องต่อไป”เอกสารระบุ