วันนี้ 18 พฤศจิกายน 2561 เวลา 15.00 น.กองทัพสื่อมวลชนได้มาปักหลักกันที่บริเวณท่าเทียบเรือรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เพื่อรอคอยทำข่าวและบันทึกภาพเรือ Phoenix ที่กำลังจะเดินทางมาขึ้นคานที่อู่รัตนชัย โดยทีมปฏิบัติการกู้ซากเรือฟีนิกซ์ได้ดำเนินการลากจูงเรือ Phoenix มาขึ้นคานที่อู่รัตนชัย เบื้องต้นมี เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจน้ำ,ตำรวจท่องเที่ยว,พนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบคดี,เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต หารือร่วมกันในห้องประชุม ภายในเรือวาสุเทพของกรมตำรวจ โดยในบริเวณท่าเทียบเรือ รัษฎา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากหน่วยงานของรัฐ ได้ดำเนินการนำแผงเหล็กมากั้นพื้นที่ พร้อมติดป้ายข้อความ “ห้ามเข้า และห้ามถ่ายภาพ” เป็นการดำเนินการตามระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุด ประกาศห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถเข้าใกล้ซากเรือฟีนิกซ์ ซึ่งเป็น วัตถุพยานหลักฐาน สำคัญในการที่จะดำเนินคดี เรือล่ม
จากนั้นในเวลา 16.30 น. นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้เดินทางมาติดตามปฏิบัติการนำเรือเข้าเทียบท่าด้วย จากนั้นทีมปฏิบัติการสามารถนำเรือPhoenix มาเทียบที่ท่าเทียบเรือรัษฎาได้สำเร็จในเวลา 17.00 น. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระบวนการที่จะนำเรือขึ้นคานนั้น เจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเรือ จะต้องมีการคำนวณขนาดของเรือ และคำนวนระดับความลึกและการขึ้นลงของน้ำ รวมถึงคำนวนว่าเรือฟีนิกส์จะกินน้ำลึกในระดับใด เพื่อหาช่วงเวลาและระดับน้ำที่เหมาะสมที่จะนำเรือฟีนิกซ์ ขึ้นคาน เนื่องจากการนำเรือขึ้นคานทีมปฏิบัติการต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุดเพื่อไม่ให้เรือได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น และที่สำคัญรัฐบาลจะใช้มาตรการในการอายัดเรือแบบเด็ดขาด เพื่อวางระบบรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุดไม่ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปใกล้กับวัตถุพยานโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้จะทำการกั้นพื้นที่ ติดกล้อง CCTV จัดให้มีเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และมอบหมายให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกับพนักงานสอบสวนเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดร่วมกันในการที่จะอนุญาตให้ หรือไม่อนุญาตให้ผู้ใด เข้าไปดำเนินการกับเรือ ในทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเข้าไปภายในเรือเพื่อทำการเก็บหลักฐาน ประกอบการทำคดีหรือแม้แต่ในกระบวนการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไป ทำความสะอาดเรือ ทุกกระบวนการจะต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ จากตำรวจพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวนแล้วเท่านั้น และจะลดระดับการให้ข้อมูลข่าวลงเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ในการหาผู้รับผิดชอบ และ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ สำหรับ ข้อมูลจากการสืบสวนคดีจะเป็นอำนาจของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ทุกความคืบหน้าของการดำเนินการและทุกข้อมูล ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับชั้นจะไม่นำข้อมูลไปเผยแพร่สู่สาธารณชนก่อนโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้เมื่อได้รับข้อมูลใดๆก็ตามจะต้องรายงานตรงไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและให้รัฐบาลจีนได้รับทราบข้อมูลเป็นลำดับแรก เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารมีความเป็นเอกภาพถูกต้องและสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลจีนในกระบวนการทำงานของไทย
