ไมเคิล แอชลีย์ หรือที่คนรู้จักในชื่อ “ไมค์ แอชลีย์” มหาเศรษฐีอันดับ 20 ของเกาะอังกฤษ ตามการจัดอันดับของฟอร์บ เจ้าพ่ออาณาจักร Sport Direct พ่วงด้วยเจ้าของทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ฉายา “เฮียตือ” ที่คนไทยรู้จักกัน
เดิมที แอชลีย์ ไม่ใช่คนที่รวยมาแต่ก่อน เป็นคนชนชั้นกลาง เขาทำงานร้านกีฬาและชอบเล่นกีฬาสควอชมาก แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บทำให้เขาต้องเลิกเล่นไปและมุ่งหน้ากับสายงานเซลล์แมน อีก 2-3 ปี เขาได้ขอเงินพ่อเป็นจำนวน 10,000 ปอนด์ เมื่อยุค 80 โดยเขาหัวใสมาก เขาได้ไปติดต่อกับแบรนด์ดังต่างๆ ที่ไม่ได้กำไรหรือกำลังจะเจ๊งแล้วซื้อมาในราคาถูก
จากนั้นเอามาดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นที่ถูกลงกว่าเดิมมากๆ แล้วนำมาขายในร้านของตัวเอง ส่วนคนอังกฤษที่เป็นลูกค้าเห็นแบรนด์ที่ขายในร้านก็เข้าใจว่ามันเป็นแบรนด์เก่าแก่ ไม่ใช่ของจากจีน จนทำให้ “เฮียตือ” เริ่มรวยขึ้นนับแต่นั้น จนทุกวันนี้ มีกว่า 400 สาขาทั่วสหราชอาณาจักร ปัจจุบัน เขามีทรัพย์สินกว่า 2,000 กว่าล้านปอนด์
แต่ตัวเขามีนิสัยหนึ่งคือ ความงกและเคี่ยวมากๆ คือพนักงานของ Sport Direct ถึง 80% จะไม่ได้รับค่านอกเวลา สวัสดิการอื่นๆ ซึ่งเหมือนการเซ็นสัญญานอกบริษัทที่เรียกว่า “Zero Over Time” เอาง่ายๆ พนักงานเจ็บป่วยก็ต้องจ่ายเอง ไปจ่ายประกันสังคมเอง ถือว่าเป็นคนที่ขี้ตืดมากๆ แต่มันก็ลดภาระคาใช้จ่ายในองค์กรได้มากเลยทีเดียว
ส่วนกำไรที่เขาได้จากทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขตอนซื้อ 134 ล้านปอนด์เมื่อปี 2007 จนถึงปัจจุบัน ได้กำไรเพียง 7 ล้านปอนด์เท่านั้น แม้เขาจะเป็นชาวยอร์ดี้แท้ที่เกิดในเมืองนิวคาสเซิล เขากลับรู้สึกว่านี่เป็นการลงทุนที่ผิดพลาดกว่าธุรกิจร้านกีฬาหรือร้านขายเกมที่เฟื่องฟู ทำให้เขาต้องมองหานายทุนรายอื่นที่จะมาเทคโอเวอร์แต่ก็ยังไม่ขายสักที เพราะยังไม่ได้จุดที่เขาได้เงินก้อนกลับมา
สมัยที่เขาไล่เควิน คีแกน อดีตผู้จัดการทีมออกในเดือนกันยายนปี 2008 เขางกมากตอนไล่ออกเขาไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยกว่า 2 ล้านปอนด์ จนทำให้คีแกนต้องไปฟ้องศาลถึงจะได้เงินจำนวนดังกล่าวมา ในมุมมองของนักลงทุน ย่อมต้องทำกำไรจากสิ่งนั้นๆ ให้ได้ แม้ธุรกิจอื่นของ “เฮียตือ” จะรุ่ง แต่แฟนนิวคาสเซิลก็ยังต้องอดทนกันต่อไป
นอจากนี้ยังมีความเห็นแฟนนิวคาสเซิล 20 กว่าปี คือ คุณยุทธดา คละทอง มัณฑนากรจากพฤกษา เรียล เอสเตทว่า “ตั้งแต่เข้ามาเป็นประธานสโมสร ก็พยายามทำตัวเข้ากับทีม และพยายามมีส่วนร่วมกับแฟนบอล โดยการแต่งชุดเชียร์ และกินเบียร์กับกองเชียร์ (ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว) รวมทั้งเอาใจแฟนบอลด้วยการ นำเควิน คีแกน กลับมาอีกครั้ง ด้วยความเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ไมค์จึงมีความคิดเรื่องกำไร ขาดทุน เยอะ คิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป ในเรื่องการพัฒนาทีม ประธานคนนี้ไม่เคยมี ช่วงหลังพยายามขายทีมตลอดเวลา แต่ก็ดีลล้มเหลวอีก ได้แต่สงสารแฟนบอลครับ ที่ต้องอดทนมานาน 12 ปี โดยไม่ได้ชมสิ่งดีๆ เลย มีแต่ทรงๆ กับทรุดๆ หลังแต่หนีตกชั้นอย่างเดียว”
บทความนี้แปลและเขียนโดยทีมข่าว Bright Today
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://en.wikipedia.org/wiki/Mike_Ashley_(businessman)
https://www.forbes.com/profile/michael-ashley/#ad2a21160a86
https://www.news.co.uk/2019/01/the-sunday-times-tax-list-reveals-britains-top-50-taxpayers/
ภาพจาก GettyImages