พ่อ-แม่ ‘น้องม่อน’ บุกร้องม.ดัง ขอความเป็นธรรม หลังไร้ความคืบหน้า ลูกจมน้ำ ขณะเข้าค่าย ตลอด 1 เดือนกว่า หอบหลักฐานใหม่ หวั่น! ลูกชายตายฟรี
จากกรณีเหตุสลดของ น้องม่อน เด็กชายวัย 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลังจากเพจดังอย่าง ไมกี้จอมป่วน ได้ออกมาโพสต์เล่าข่าวร้ายที่ส่งผลให้ตน ต้องเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปตลอดกาล จากกิจกรรมเข้าค่ายของทางมหาวิทยาลัย
เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
คุณพ่อของน้องม่อน นั้นเล่าเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุว่า น้องม่อนต้องไปเข้าค่ายปัจฉิมเป็นเวลา 3 วัน พ่อก็ไปส่ง คราวนี้พอมาวันที่ 2 ก็ได้รับสายจากครูฝึก ที่เป็นคนนอกซึ่งรู้จักกันกับพ่อ โทรมาบอกว่าน้องม่อนจมน้ำหาไม่เจอ ตอนนั้นน้ำตาไหลเลยพอรู้ว่าเป็นลูกเรา พ่อก็เลยรีบติดต่อโรงเรียนแต่ก็ติดต่อไม่ได้ พ่อก็เลยรีบขับรถไปที่ศูษย์ฝึก สระบุรี หมวกเหล็ก ระหว่างทางพยามติดต่อโรงเรียนตลอด ก็ติดต่อไม่ได้
ล่าสุด วันที่ 22 ธันวาคม 2566 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายอานนท์ หอมผา และน.ส.ณัฏฐพัชร พวกลำเจียก พ่อและแม่ของนายปณิธาน หรือน้องม่อน นักศึกษาชั้นปี 3 เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชายที่จมน้ำเสียชีวิต ขณะเข้าร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี กับทางวิทยาลัย
นายอานนท์ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า วันที่พ่อกับเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมให้กับน้องม่อน จนถึงปัจจุบันเรื่องน้องม่อน เงียบมากว่า 1 เดือนกว่า ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนจากทางมหาวิทยาลัย และพยายามปกปิดข้อมูล จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และหาข้อเท็จจริงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมายื่นเอกสารหลักฐานและชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลักฐานที่หาให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะคลิปหลักฐานใหม่
เมื่อถามถึง คณะกรรมการสอบสวนที่วิทยาลัยตั้งขึ้น ได้ชี้แจงกับครอบครัวหรือไม่ นายอานนท์ กล่าวว่า ยังไม่รายงานใดๆ ให้รับทราบ ทำเหมือนน้องม่อน ไม่มีตัวตนไม่มีชีวิต ขณะนี้พบว่าทางวิทยาลัย พยายามปกปิดข้อมูลและทำลายหลักฐานสั่งลบคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่มีใครกล้าเป็นพยาน จึงกลัวว่าน้องจะตายฟรี
นายอานนท์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนที่ผู้บริหารวิทยาลัยได้รับรางวัลผู้บริหารดีเด่น การรับรางวัลทำให้ตนและภรรยายิ่งรู้สึกแย่ ขณะที่นักเรียนเสียชีวิตไป 1 เดือน ไม่มีความคืบหน้าและปกปิดจนเงียบ กลับมารับรางวัล ยิ่งตอกย้ำความช้ำใจ
จนถึงตอนนี้ ทางครอบครัวยังไม่ได้รับคำขอโทษใดๆ ปัจจุบันศพน้องม่อน ยังถูกเก็บไว้ที่บ้านจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม และทางวิทยาลัยมารับผิดชอบ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
หลักฐานที่นำมายื่นเพิ่มเติม
“เป็นภาพวิดีโออีกมุมในขณะที่น้องม่อน กำลังจมน้ำ แล้วมีผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่รอบๆ น้องโบกมือขอความช่วยเหลือ แต่ปล่อยให้จมน้ำต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังเป่านกหวีดไล่นักเรียนคนอื่นไม่ให้ช่วยน้อง แต่ขอไม่เปิดเผยแก่สื่อ เพราะกลัวมีผลต่อรูปคดี ซึ่งตำรวจขอเวลา 2 เดือน รวบรวมหลักฐาน และสรุปสำนวนคดี แต่ทางครอบครัวกลัวว่าหลักฐานจะสูญหายก่อน ทำให้ต้องมาร้องเรียนในวันนี้“ นายอานนท์ กล่าว
สุดท้ายนี้ นายอานนท์ อยากให้กรณีน้องม่อน เป็นกรณีตัวอย่าง วิทยาลัยพานักเรียนไปเข้าค่าย แล้วนักเรียนเสียชีวิต จากการดูแลของวิทยาลัย แต่กลับไม่ยอมรับความจริงต่างๆ ไม่รับผิดชอบและไม่ยอมเปิดเผย อนาคตผมไม่อยากให้เด็กต้องมาสูญเสียแบบน้องม่อนอีก
