อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ขีดเส้น ผบ.ตร. ปิดเว็บพนันใน 3 วันถ้าเพิกเฉย เตรียมลงไปนั่งบนถนนวันจันทร์นี้ ยอมรับเดินคู่ “บิ๊กโจ๊ก” แฉตำรวจและนักการเมืองกระทำความผิด
7 พ.ย. 68 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเคลื่อนไหวนั่งริมฟุตบาทหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับนำแผนผังที่ระบุเว็บพนันออนไลน์กว่า 10 เว็บไซต์มาแฉ ว่าหลังจากถูกตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ แถลงข่าวปราบปรามแต่ว่าปัจจุบันเว็บไซต์เหล่านี้ก็ยังเปิดบริการปกติ
รวมถึงกล่าวหา พลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) 2 คน พร้อมกล่าวหาพลตำรวจเอกวินัย ทองสอง และพลตำรวจเอกเอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม โดยแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมไปดำรงตำแหน่งทำเลทอง ส่วนบุคคลที่เหมาะสมกลับถูกโยกย้ายไปทำตำแหน่งหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ ทั้งที่เป็นคนปราบปราบเว็บพนัน แต่ปัจจุบันยังใช้บุคคลเหล่านี้ทำงานเว็บพนัน ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวและไม่ได้มีอำนาจ
นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งนอกวาระประจำปีโดยมีการพิจารณานายตำรวจที่ในอดีตถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินคดี (ตม.) และมีคดีใน ตม. ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจ ส่วนนี้ตนเองมองว่าไม่ยุติธรรมกับข้าราชการตำรวจรายอื่นด้วย
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวหาว่า ผบ.ตร. ไม่ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ ที่ตนเองเคยนำมามอบให้ตั้งแต่ปี 2567 โดยนำเรื่องดังกล่าวไปแอบซุกไว้ไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้การยื่นเอกสารและเงื่อนไขต่างๆจะต้องได้รับการแก้ไขทั้วหมดภายในภายในวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย. หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย. ตนเองยืนยันจะมานั่งประท้วงบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งแน่นอน
ส่วนกรณีที่พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธว่าลูกน้องตำรวจไซเบอร์สองนายไม่ได้กลับคำให้การในคดีนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.พรรคกล้าธรรม มองว่าเป็นการโยนความผิดให้พนักงานสอบสวนที่ตายไปแล้วในเรื่องการทำคำให้การที่ไม่ถูกต้อง แต่หากไปดูเอกสารรายละเอียดจะพบว่า คำให้การมีลายเซ็นของลูกน้องพลตำรวจโทไตรรงค์ชัดเจน
ซึ่งปัจจุบันตำรวจภูธรภาค9 ได้ชี้มูล และแจ้งความผิดตำรวจ 2 นาย ในสองข้อกล่าวหาว่ามีการช่วยเหลือนายชนนพัฒฐ์จริง
ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่าการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เป็นไทม์ไลน์การออกมาเปิดเผยข้อมูลเดียวกันกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ. ตร. นายอัจฉริยะยอมรับว่าเป็นการเดินคู่ ร่วมมือกันทำงาน แต่ ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ทำ ตัวเองเนี่ยได้ข้อมูลมาจากตำรวจภาค8 แต่ไม่รู้ว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐได้ข้อมูลมาจากไหน แต่มีเป้าหมายเดียวกันแน่ชัดคือการปรับตามแก๊งค์สแกมเมอร์ เอาผิด นักการเมืองที่ทำงานสกปรก และเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐคอรัปชั่น รวมถึงอยากให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่กระทำความผิดและมีเส้นทางการเงินไปถึง
โดยนายอัจฉริยะ ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้กลับกลอก แต่ยอมรับว่าสนิทกับตำรวจระดับ ผบ.ตร. แทบทุกคน ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่คลุกคลีกัน จึงรู้ไส้รู้พุงทั้งหมด จึงรู้ว่าภายในองค์กรตำรวจไซเบอร์ทำไม่ดีอะไรไว้บ้าง
อย่างไรก็ตามนายอัจฉริยะยืนยันว่าตัวเองไม่เคยเหมารวมองค์กรตำรวจว่าเป็นอาชญากรประเทศชาติ แต่ระบุเพียงว่ามีตำรวจบางคนประมาณ 20 ถึง 30% ที่กระทำความผิด จึงอยากให้ดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มนี้ให้เท่าเทียม กับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เนื่องจากตนเองเห็นใจพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เพราะถูกรังแก
นายอัจฉริยะยังฝากเตือนถึงนายอนุทินชาญวีรกุลนายกรัฐมนตรี ว่าให้คัดกรองตำรวจที่อยู่ใกล้ชิดตัวนายอนุทิน ขอให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมให้ชัดเจน เพราะอาจทำให้มัวหมองหรือเสื่อมเสียองค์กรตำรวจ เนื่องจากยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์