ซีดีซีกังกลหาก รับวัคซีนครบโดสแล้วติดสายพันธุ์เดลตา สถานการณ์จะรุนแรงยิ่งขึ้น
จากกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยว่า พบเอกสารหลุดที่มีชื่อว่า “ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อและประสิทธิภาพของวัคซีน (Improving communications around vaccine breakthrough and vaccine effectiveness)” ระบุว่าด้วยตัวกลายพันธุ์นี้ จำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ในนั้นรวมถึงส่งสารอย่างชัดเจนว่าบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 10 เท่า
ซีดีซียอมรับว่าเอกสารฉบับนี้เป็นของจริง หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์นำเสนอรายงานข่าวนี้เป็นแห่งแรก แม้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วมีความเป็นไปได้น้อยที่จะติดเชื้อ แต่ครั้งที่พวกเขาติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตาในลักษณะ breakthrough cases เวลานี้พวกเขาก็เหมือนๆกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆได้เช่นกัน ซึ่งต่างจากตัวกลายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้
โดยสิ่งที่สหรัฐกังวลคือ ผู้ที่ได้รับวีคซีนแล้วติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา คือกลุ่มที่เป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แล้วได้รับเชื้อจากคนกลุ่มนี้ ยิ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง ซีดีซีรายงานว่าจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases)อาการหนักหรือเสียชีวิต 6,587 ราย
จนเมื่อวันศุกร์(30ก.ค.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ ซีดีซีเผยแพร่ข้อมูลจากผลการวิจัยหนึ่งซึ่งศึกษาการแพร่ระบาดในรัฐแมสซาชูเซตส์ พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ เป็นกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการตัดสินใจของซีดีซีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แนะนำให้บุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาสวมหน้ากากในบางสถานการณ์ จากการเปิดเผยของโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี

อย่างไรก็ตามตัวเลขของซีดีซียังชี้ให้เห็นว่า วัคซีนนั้นยังมีความสามารถในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยที่นายจอห์น มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า “โดยรวมแล้ว โควิดสายพันธุ์เดลตานั้นคือสายพันธุ์ที่สร้างความลำบากให้เรามากที่สุดเท่าที่เห็นมา แต่ฟ้าก็ยังไม่ถล่มเสียทีเดียว และวัคซีนนั้นก็ยังสามารถป้องกันไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปมากกว่านี้”
ขอบคุณข้อมูลจาก Around the World