คำสั่งกองทัพบกเด็ดขาด! พลเรือนกำลังติดอาวุธกัมพูชารุกล้ำ ยั่วยุ ตลอดแนวชายแดน สั่งคุมเข้ม ล่าสุดสั่งระงับด่านบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว
7 มิถุนายน 2568 กองทัพบกได้ออกคำสั่งสำคัญ เพื่อควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า ที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ โดยพลเรือนและกำลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีพยายามทำให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นที่ที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติหรือการติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าเป็นดินแดนของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์
พลเรือนกำลังติดอาวุธกัมพูชารุกล้ำ ยั่วยุ ตลอดแนวชายแดน
กองทัพบกได้สั่งการให้กำลังพลเข้าระงับเหตุด้วยการเจรจา ชี้แจงเหตุผล และผลักดันบุคคลดังกล่าวออกไปตามหลักสันติวิธี พร้อมด้วยความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม แต่พลเรือนและกำลังติดอาวุธของกัมพูชาก็ยังคงพยายามรุกล้ำและยั่วยุอย่างไม่หยุดยั้งและเปิดเผย ทำให้เกิดความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน และกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
กองทัพบกชี้ว่า ความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้มาตรการเข้มข้นในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้
แม้รัฐบาลไทยและกองทัพบกได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการระงับยับยั้งความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกที่ตกลงกันไว้กับกัมพูชา แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏว่ากัมพูชาได้เสริมกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนเป็นจำนวนมาก มีการจัดทำที่มั่นสำหรับวางกำลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดโดยสันติ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของทุกประเทศในอาเซียน
กองทัพบกเน้นย้ำว่า ท่าทียั่วยุและการเสริมกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์นี้แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะใช้กำลัง ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่ออธิปไตยและความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติสุขของพี่น้องชาวไทยและกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติมานาน
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับยับยั้งความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชนชาวไทยและกัมพูชาไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จึงได้มอบหมายให้กองทัพบกดำเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามที่กองทัพบกกำหนดโดยเคร่งครัด
เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบกจึงกำหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้: ให้กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจกำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่จำเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการทำมาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกำหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ๆ ตามที่เหมาะสมก็ได้
คำสั่งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป โดยสั่ง ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ลงนามโดย พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก

หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี สั่งระงับด่านบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว
7 มิ.ย. 68 มีรายงานข่าวว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์ อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความ ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ยังคงปฏิบัติหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการตามที่เคยปฏิบัติมา และขอให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี ระงับนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางผ่านออกไปยังประเทศกัมพูชา และระงับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา เดินผ่านเข้ามายังประเทศไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี เป็นการชั่วคราว (ยกเว้นแรงงานชาวกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยให้การค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปตามปกติ) ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่า จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

